[ครบชุด] 3010152 Facebook (48)

Mercedes-Benz EQE 300: การพลิกเกมของยานยนต์ไฟฟ้าหรูในตลาดไทย 2025

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของรถยนต์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้เข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมในทุกมิติ และสำหรับตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทย ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลยุทธ์การปรับราคาครั้งใหญ่ของ Mercedes-Benz EQE 300 ซึ่งไม่เพียงแค่ทำให้รถคันนี้น่าสนใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังเป็นการประกาศศักดาใหม่ในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม อย่างชัดเจน

ครั้งแรกที่ EQE 300 เปิดตัวในตลาด ต้องยอมรับว่าด้วยปัจจัยด้านราคา ทำให้มันต้องเผชิญกับความท้าทายไม่น้อยเมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาปอย่าง E-Class ที่มีฐานลูกค้าแน่นหนา อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ด้วยการปรับราคาลงอย่างมหาศาล พร้อมแพ็คเกจข้อเสนอสุดพิเศษ ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้ EQE 300 กลับมาเป็นที่พูดถึงและอยู่ในลิสต์ของกลุ่มผู้บริโภคที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้าสุดหรู ที่คุ้มค่า

พลิกโฉมด้วยราคาใหม่: สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถหรูไฟฟ้า

ก่อนหน้านี้ EQE 300 มีราคาที่อาจทำให้หลายคนลังเล แต่ด้วยราคาใหม่ที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษเพียง 2,890,000 บาท จากราคาเดิม 3,970,000 บาท คิดเป็นส่วนลดถึง 1,080,000 บาท ทำให้ Mercedes-Benz EQE 300 ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตาที่สุดในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้าหรู 2025 อย่างไม่ต้องสงสัย นี่ไม่ใช่แค่การลดราคา แต่เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Mercedes-Benz ในการผลักดัน เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างขึ้น

นอกจากราคาที่พลิกเกมแล้ว ข้อเสนอสุดพิเศษที่มาพร้อมกับการจองผ่าน Online Showroom และการรับรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2025 ยิ่งเพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้กับ EQE 300 ได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น:

ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปี: มอบความอุ่นใจในการขับขี่ตลอดปีแรก
ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี: นี่คือข้อเสนอที่ทรงพลังที่สุดข้อหนึ่ง เพราะช่วยลด ค่าใช้จ่ายรถยนต์ไฟฟ้า ได้อย่างมหาศาล และทำให้การเดินทางระยะไกลสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง: อำนวยความสะดวกในการชาร์จที่บ้าน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน
การนำเข้าทั้งคัน (CBU) จากประเทศเยอรมนี: ตอกย้ำถึงมาตรฐานคุณภาพและงานประกอบระดับโลก
การรับประกันแบตเตอรี่ High-voltage 10 ปี หรือ 250,000 กิโลเมตร: สร้างความมั่นใจในระยะยาวให้กับ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจหลักของรถ EV

ข้อเสนอเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า Mercedes-Benz ไม่เพียงแค่ต้องการขายรถ แต่ยังต้องการมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของ เบนซ์ไฟฟ้า ที่ไร้กังวลและครบวงจร

ขุมพลังและสมรรถนะ: ผสานความหรูหราเข้ากับประสิทธิภาพแห่งอนาคต

ภายใต้รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว Mercedes-Benz EQE 300 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 550 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังล้อหลัง (RWD) สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่เป็นการส่งมอบ สมรรถนะรถไฟฟ้า ที่ตอบสนองได้ทันใจและไร้รอยต่อ ให้ความรู้สึกถึงพลังที่พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าในทุกการกดคันเร่ง

แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 89 kWh คือหัวใจสำคัญที่มอบ ระยะทางวิ่งรถไฟฟ้า สูงสุดถึง 651 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่โดดเด่น ทำให้ EQE 300 เป็นรถที่เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งในเมืองและต่างจังหวัดได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อยครั้ง

ในด้านการชาร์จ EQE 300 รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 kW และการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สูงสุดถึง 170 kW ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความยืดหยุ่นและความรวดเร็วในการเติมพลังงาน:
การชาร์จ AC จาก 10 – 100% ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 25 นาที ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จข้ามคืนที่บ้าน
การชาร์จ DC (170 kW) จาก 10 – 80% ใช้เวลาเพียง 32 นาที ซึ่งรวดเร็วเพียงพอสำหรับการหยุดพักระหว่างการเดินทางไกล

ความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็วนี้เป็นกุญแจสำคัญในการคลายความกังวลเรื่อง สถานีชาร์จรถไฟฟ้า และเวลาที่ใช้ในการเติมพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในประเทศไทยพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดในปี 2025

การออกแบบ: เส้นสายแห่งอนาคตที่ลดแรงต้านอากาศ

EQE 300 ได้รับการออกแบบให้เป็น ยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม อย่างแท้จริง โดยเน้นความเรียบง่ายแต่ล้ำสมัย ทุกเส้นสายถูกคิดค้นมาเพื่อลดแรงต้านอากาศ (aerodynamics) ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตัวรถที่โค้งมน ประตูที่เรียบเนียนไปกับตัวถัง หรือแม้แต่การซ่อนมือจับประตูแบบ Pop-out สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้รถดูสวยงามและโฉบเฉี่ยว แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการใช้พลังงานและ ประหยัดพลังงานรถไฟฟ้า

ในมุมมองของความสวยงาม ผู้ที่คุ้นเคยกับ Mercedes-Benz แบบดั้งเดิมอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวกับรูปลักษณ์ของ EQE 300 เล็กน้อย แต่เมื่อมองไปนานๆ จะพบว่ามันคือการออกแบบที่ก้าวล้ำนำสมัย สะท้อนถึง นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคใหม่ที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ใช้งานจริง ผมพบจุดหนึ่งที่อาจสร้างความไม่สะดวกเล็กน้อย นั่นคือการออกแบบล้อที่มีแผ่นปิดเพื่อลดแรงต้านอากาศ แม้จะเป็นดีไซน์ที่ชาญฉลาด แต่การเข้าถึงจุกลมเพื่อเติมลมยางกลับเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ เนื่องจากช่องที่เล็กมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจมองข้ามไปได้ แต่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะยางของรถ EV โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถสมรรถนะสูง มักจะมีผนังที่บางและต้องมีการตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอ การรอให้ไฟเตือนยางอ่อนขึ้นจึงไม่ใช่สิ่งที่เราควรทำ ควรมีการตรวจสอบด้วยสายตาและเครื่องมือเป็นประจำ ซึ่งการออกแบบนี้ทำให้กระบวนการพื้นฐานนี้ยุ่งยากขึ้นมาเล็กน้อย

ภายในห้องโดยสาร: เทคโนโลยีและความสะดวกสบายที่มาพร้อมข้อคิด

ก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ EQE 300 คุณจะสัมผัสได้ถึงความหรูหราผสาน เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทันสมัย จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางแบบ OLED central display ขนาด 12.8 นิ้ว นั้นสวยงามตระการตาและใช้งานง่ายด้วยระบบ MBUX ที่เข้าใจผู้ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ การแสดงผลแผนที่แบบ 3 มิติ พร้อมข้อมูลการจราจรแบบ Live Traffic Information รวมถึงตำแหน่ง สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ต่างๆ ยิ่งทำให้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายและวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริงเผยให้เห็นถึงจุดที่อาจต้องพิจารณา นั่นคือตำแหน่งการนั่งของผู้ขับขี่ ด้วยคอนโซลหน้าที่ถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่และตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ขับขี่บางคนอาจรู้สึกว่าต้องปรับเบาะนั่งให้สูงตามไปด้วย เพื่อให้ได้ทัศนวิสัยและการวางท่าที่เหมาะสม แม้ว่าจอขนาดใหญ่จะให้ความสวยงามและสบายตาในการใช้งาน แต่ก็แลกมาด้วยการปรับตัวในเรื่องของสรีระ

ในส่วนของเบาะนั่งด้านหลัง บางท่านอาจรู้สึกว่าการออกแบบให้มีความเป็นหลุมนั้นทำให้ผู้โดยสารรู้สึกจมลงไปในเบาะ และอาจลุกขึ้นได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับเบาะหลังของ E-Class ที่ให้ความรู้สึกโปร่งสบายกว่าอย่างเห็นได้ชัด จุดนี้อาจเป็นข้อพิจารณาสำหรับผู้ที่เน้นความสะดวกสบายของผู้โดยสารตอนหลังเป็นพิเศษ

ประสบการณ์ขับขี่จริง: จากกรุงเทพฯ สู่ขอนแก่น กับเส้นทาง 400 กม.

เพื่อพิสูจน์ถึงความสามารถที่แท้จริงของ EQE 300 ในฐานะ รถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่พร้อมสำหรับการใช้งานในทุกมิติ ผมและทีมงานได้ทำการทดสอบขับขี่ในสภาพการใช้งานจริง ตั้งแต่การขับขี่ในเมือง ไปจนถึงการเดินทางไกลกว่า 400 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่จังหวัดขอนแก่น

การขับขี่ในเมือง: EQE 300 โดดเด่นอย่างมากด้วยความเงียบสงบและการตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทันใจ การขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ กลายเป็นเรื่องที่ผ่อนคลาย ด้วยห้องโดยสารที่เก็บเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เราได้ยินเสียงรบกวนจากภายนอกน้อยมาก ระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ ที่ทันสมัยก็เข้ามาช่วยลดภาระในการควบคุมรถได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้การขับขี่ในเมืองรู้สึกแตกต่างจากรถยนต์สันดาปทั่วไปอย่างสิ้นเชิง และสร้าง ประสบการณ์ขับขี่ EQE ที่น่าประทับใจ

การเดินทางไกล: บนเส้นทางสู่ขอนแก่น ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร กับระยะทางวิ่งที่เคลมไว้ 651 กิโลเมตร คือบททดสอบที่แท้จริงของ EQE 300 บนท้องถนนประเทศไทย

ความนุ่มนวลและพละกำลัง: ด้วยความเงียบของรถและความนุ่มนวลของช่วงล่าง ทำให้การประคองความเร็วให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะเพียงแค่คุณเผลอกดคันเร่งเบาๆ ความเร็วก็สามารถทะลุ 120 กม./ชม. ไปได้อย่างง่ายดาย ระบบ Active Distance Assist DISTRONIC จึงกลายเป็นพระเอกในการเดินทางไกล ช่วยควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีผู้ช่วยขับขี่ที่คอยดูแลตลอดเส้นทาง ลดความเมื่อยล้าได้อย่างมาก
น้ำหนักและความมั่นคง: EQE 300 มีน้ำหนักตัวถึง 2,405 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่ารถยนต์สันดาปในขนาดใกล้เคียงกัน แต่น้ำหนักนี้กลับเป็นข้อดีที่ทำให้รถมีความนิ่งและเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่ถนนลื่นหรือมีน้ำขัง อาการเหินน้ำที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์คันอื่นนั้นแทบไม่เป็นที่รู้สึกกับ EQE 300 เลย ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำจากตำแหน่งของแบตเตอรี่และน้ำหนักที่มาก ทำให้รถวิ่งผ่านแอ่งน้ำไปได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยอย่างน่าทึ่ง อย่างไรก็ตาม น้ำหนักที่มากนี้ทำให้การดูแล ลมยาง เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ควรเติมลมยางให้แข็งกว่าปกติเล็กน้อย (ยางขนาด 255/40 R20) และตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันความเสียหายในระยะยาว
การจัดการพลังงานและการชาร์จ: ด้วยข้อเสนอ DC Charge ไม่จำกัด ทีมงานจึงใช้กลยุทธ์ “เจอที่ไหนชาร์จที่นั่น” ไม่รอให้แบตเตอรี่เหลือน้อย จุดชาร์จแรกที่สระบุรีถูกใช้เพื่อเติมพลังงานให้ได้ประมาณ 80% ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางยาวไปถึงขอนแก่นโดยไม่ต้องชาร์จอีก และเมื่อถึงขอนแก่นก็ยังเหลือระยะทางวิ่งอีกกว่า 300 กิโลเมตร เพียงพอสำหรับการใช้งานในเมืองได้อย่างสบายใจ
ความท้าทายของโครงสร้างพื้นฐาน: แม้ว่า สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ในภาคอีสานจะมีการพัฒนาขึ้นมากในปี 2025 แต่ตู้ชาร์จกำลังสูงยังคงกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่เป็นหลัก และบางตู้ก็อาจไม่ได้จ่ายไฟเต็มกำลังสูงสุด 170 kW ที่ EQE 300 รองรับ (เช่น ตู้ 180kW ที่จ่ายจริงอาจไม่ถึง) ดังนั้น การวางแผนการเดินทางจึงยังคงสำคัญ การแวะชาร์จประมาณ 15-20 นาที จะช่วยเพิ่มพลังงานได้ถึง 20% ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางต่อ การชาร์จจนเต็ม 100% อาจใช้เวลานานเป็นชั่วโมงโดยไม่จำเป็น
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือระบบการจัดการพลังงานที่ยอดเยี่ยมของ EQE 300 ในการเดินทางเฉลี่ยตลอดการทดสอบ รถมีอัตราการกินไฟเฉลี่ยเพียง 15.4 kWh/100 กม. ซึ่งถือว่าประหยัดอย่างมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว และเมื่อคำนวณจากค่าไฟที่ชาร์จ ทำให้ ค่าใช้จ่ายรถยนต์ไฟฟ้า เฉลี่ยต่อกิโลเมตรตกเพียง 1 บาทเท่านั้น นี่คือจุดแข็งที่ทำให้ รถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม คันนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น
ความน่าเชื่อถือของระยะทาง: อีกหนึ่งจุดเด่นคือตัวเลขระยะทางที่แสดงบนหน้าจอมีความน่าเชื่อถือสูง และจะแปรผันตามพฤติกรรมการขับขี่จริง ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าบางค่ายที่ตัวเลขอาจไม่ตรงกับระยะทางที่วิ่งได้จริง

ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่: อุ่นใจในทุกเส้นทาง

Mercedes-Benz EQE 300 มาพร้อมกับแพ็คเกจความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครันตามมาตรฐานของรถยนต์หรูในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็น:

ถุงลมนิรภัยรอบคันหลายตำแหน่ง (ด้านหน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย, ถุงลมบริเวณหัวเข่า, ถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า)
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program)
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Lane Keeping Assist)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ Active Brake Assist ที่ช่วยลดโอกาสการชน
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE–SAFE® system
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
อุปกรณ์ปะยางแบบฉุกเฉิน TIREFIT

ระบบเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และสร้างความมั่นใจในทุกสภาพการเดินทาง แม้ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยอย่างฝนตกหนัก ระบบช่วยเหลือก็ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

สรุป: Mercedes-Benz EQE 300 กับอนาคตที่สดใสในปี 2025

หลังจากที่ได้สัมผัสและทดสอบ Mercedes-Benz EQE 300 อย่างละเอียด ผมกล้าพูดได้เลยว่า การปรับราคาลงมาอยู่ที่ 2,890,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษที่มาพร้อมกันนั้น ได้เปลี่ยนสถานะของ EQE 300 จากรถยนต์ไฟฟ้าหรูที่น่าสนใจ ให้กลายเป็นตัวเลือกที่ “ต้องมอง” และ “คุ้มค่า” อย่างแท้จริงในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 2025 ของประเทศไทย

ส่วนต่างของราคาที่ลดลงไปถึงหลักล้านเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปในระดับเดียวกัน ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของ เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือกแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและใช้งานได้จริงในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้

Mercedes-Benz EQE 300 ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นยานยนต์ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ความเงียบสงบในห้องโดยสาร ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และการออกแบบที่ล้ำสมัย แม้จะมีข้อสังเกตเล็กน้อยในเรื่องของดีไซน์ล้อและตำแหน่งเบาะนั่ง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้บดบังความโดดเด่นโดยรวมของรถคันนี้ไปได้

สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าหรู ที่ผสานความสง่างามของ Mercedes-Benz เข้ากับนวัตกรรมและประสิทธิภาพของยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมความคุ้มค่าด้านราคาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำ Mercedes-Benz EQE 300 คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้ามในปี 2025 นี้

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตแห่งการขับขี่! สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ Mercedes-Benz EQE 300 ด้วยตัวคุณเองวันนี้ และค้นพบว่าทำไมรถคันนี้ถึงเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อมของคุณ