ZEEKR 7X: นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าหรูที่พร้อมลุยทุกเส้นทางแห่งปี 2025
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของตลาด EV มาอย่างต่อเนื่อง จากรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการเดินทางในเมือง สู่ยุคของ SUV ไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่คือสัญลักษณ์ของไลฟ์สไตล์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และในปี 2025 นี้ ZEEKR 7X คือหนึ่งในชื่อที่กำลังจะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยการผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะอันทรงพลัง และที่สำคัญคือความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดที่เหนือความคาดหมาย นี่ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่มันคือ SUV อนาคตที่พร้อมพาคุณไปได้ทุกที่
การมาถึงของ ZEEKR 7X: จุดเปลี่ยนของ SUV ไฟฟ้าแห่งปี 2025
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2025 กำลังเข้าสู่ยุคของการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ผู้บริโภคไม่ได้มองหารถยนต์ไฟฟ้าแค่เพียงราคาประหยัดหรือวิ่งได้ไกลอีกต่อไป แต่ยังต้องการรถที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย มีดีไซน์ที่โดดเด่น เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะที่เร้าใจ ZEEKR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมภายใต้ Geely Holding Group เล็งเห็นถึงช่องว่างนี้ และได้นำ ZEEKR 7X เข้ามาเติมเต็มในฐานะ SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่ไม่ได้เน้นแค่ความเร็ว แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและท้าทาย โดยเฉพาะในเรื่องของความสามารถในการบุกตะลุยเส้นทางที่สมบุกสมบันได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้ามักจะถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ที่เน้นการใช้งานบนถนนเรียบเท่านั้น แต่ ZEEKR 7X ได้ฉีกทุกกรอบด้วยการนำเสนอแนวคิด “ไฟฟ้าที่ลุยได้” ซึ่งเป็นการพลิกโฉมวงการอย่างแท้จริง การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีระบบส่งกำลังไฟฟ้าขั้นสูงเข้ากับช่วงล่างที่รองรับการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้ ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือผู้นำเทรนด์สำหรับผู้ที่มองหาความหรูหราควบคู่ไปกับการผจญภัย
ดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา: ความหรูหราที่มาพร้อมกับฟังก์ชัน
สิ่งแรกที่ดึงดูดใจเมื่อได้สัมผัส ZEEKR 7X คือรูปลักษณ์ภายนอกที่ exudes ความหรูหรา สง่างาม และความแข็งแกร่งในคราวเดียวกัน เส้นสายการออกแบบที่เฉียบคมและทันสมัย สะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบที่ผสมผสานความเรียบง่ายเข้ากับความล้ำยุคได้อย่างลงตัว กระจังหน้าแบบปิดอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า ถูกผสานเข้ากับชุดไฟหน้า Stargate Front Light Panel ที่ไม่เพียงแต่ให้ความสว่างคมชัด แต่ยังสามารถแสดงผลกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างความโดดเด่นและเป็นที่จดจำในยามค่ำคืน
มิติตัวถังที่ลงตัว ด้วยความยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,650 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มิลลิเมตร ทำให้ ZEEKR 7X มีสัดส่วนที่สมดุล มอบพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง และให้ความมั่นคงในการขับขี่ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในรุ่น Long Range RWD และขนาด 21 นิ้วแบบ Forged ในรุ่น Performance AWD ไม่เพียงเพิ่มความสปอร์ต แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิศวกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนและลดน้ำหนักใต้สปริงอีกด้วย รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างประตูทั้ง 4 บานที่มาพร้อมระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และม่านบังแดดประตูคู่หลังที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า ล้วนเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความใส่ใจในความสะดวกสบายและประสบการณ์ระดับพรีเมียมของผู้ใช้งาน
ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะที่เร้าใจและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หัวใจหลักของ ZEEKR 7X คือขุมพลังไฟฟ้าที่ล้ำสมัย ซึ่งได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) อันเป็นเอกลักษณ์ของ Geely ที่โดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น โดยมีให้เลือกสองรุ่นย่อยที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน:
ZEEKR 7X Long Range RWD:
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ล้อหลัง มอบพละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดมหาศาล 440 นิวตันเมตร ซึ่งเพียงพอต่อการเร่งแซงและการขับขี่ในทุกสถานการณ์
มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ที่ใช้เทคโนโลยี 800V ทำให้สามารถทำระยะทางวิ่งได้มากกว่า 700 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับการเดินทางไกล
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ภายใน 6.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งให้ความรู้สึกสปอร์ตและสนุกสนานในการขับขี่
ZEEKR 7X Performance AWD:
สำหรับผู้ที่ต้องการความเร้าใจสูงสุด รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร
ด้วยพละกำลังที่เหลือเฟือนี้ ทำให้ ZEEKR 7X Performance AWD สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเทียบเท่ากับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงหลายๆ คัน
แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh และเทคโนโลยี 800V เช่นเดียวกับรุ่น RWD แต่ด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่า ทำให้ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC อยู่ที่มากกว่า 600 กิโลเมตร ซึ่งยังคงเป็นตัวเลขที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเยี่ยม
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-Link ที่ให้ความนุ่มนวลในการเดินทางบนถนนเรียบ และยังคงประสิทธิภาพการควบคุมที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพเส้นทาง นอกจากนี้ ระบบเบรกแบบดิสก์เบรก 4-pot พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม ยังช่วยเสริมทั้งสมรรถนะการหยุดรถและความโดดเด่นทางด้านดีไซน์
การชาร์จที่รวดเร็วทันใจ: ก้าวข้ามข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า
หนึ่งในหัวใจสำคัญของประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าคือความเร็วในการชาร์จ และ ZEEKR 7X ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องการเติมพลังงานอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V และระบบการชาร์จที่รองรับกระแสตรง (DC Fast Charging) สูงสุดถึง 420 kW ทำให้การชาร์จจาก 10% ไปถึง 80% ใช้เวลาเพียง 13-16 นาทีเท่านั้น เมื่อใช้สถานีชาร์จ DC ที่มีกำลังไฟ 360 kW นี่คือความเร็วที่ปฏิวัติวงการอย่างแท้จริง และทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังรองรับการชาร์จกระแสสลับ (AC) สูงสุด 22 kW ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงาน และยังมาพร้อมกับระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) สูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ซึ่งเปลี่ยนรถของคุณให้เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมกลางแจ้งหรือในยามฉุกเฉิน นี่คือคุณสมบัติที่เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับ ZEEKR 7X อย่างมาก และตอกย้ำถึงความพร้อมในการเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้ใช้งานในยุค 2025
ห้องโดยสารพรีเมียม: มิติใหม่แห่งความสบายและเทคโนโลยี
ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความหรูหราที่เหนือระดับและความใส่ใจในทุกรายละเอียด การออกแบบที่คำนึงถึงความสะดวกสบายสูงสุดของผู้โดยสารทุกคนคือปรัชญาหลัก เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa คุณภาพสูง ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและสัมผัสที่หรูหรา ไม่เพียงแต่มอบความสบายในการนั่ง แต่ยังสะท้อนรสนิยมอันประณีตของเจ้าของรถ
เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและระบบเป่าลม ซึ่งช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลหรือวันที่เหน็ดเหนื่อย ทำให้การขับขี่กลายเป็นการพักผ่อนส่วนตัว ในขณะที่เบาะหลังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การอ่านหนังสือ หรือการพักผ่อนอย่างเต็มที่ สร้างสรรค์ให้พื้นที่ด้านหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ ตอบสนองทุกอิริยาบถของผู้โดยสาร
หัวใจของประสบการณ์เทคโนโลยีในห้องโดยสารคือระบบสาระบันเทิงที่ล้ำสมัย:
หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K: มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่สมจริงสำหรับการนำทาง การรับชมสื่อบันเทิง หรือการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถ
หน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว: แสดงข้อมูลสำคัญต่างๆ ขึ้นบนกระจกหน้ารถแบบ Augmented Reality ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว: ทำหน้าที่แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor (เทคโนโลยี 5nm): ขับเคลื่อนการทำงานของหน้าจอและระบบต่างๆ ให้มีความรวดเร็วและราบรื่น ตอบสนองทุกคำสั่งได้อย่างฉับไว
เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ความบันเทิง ZEEKR 7X มาพร้อมกับระบบเสียง ZEEKR Sound Pro ที่ประกอบด้วยลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอจำนวน 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ มอบประสบการณ์การฟังเพลงที่ดื่มด่ำและเหนือระดับในทุกการเดินทาง
เหนือความคาดหมาย: SUV ไฟฟ้าที่พร้อมลุยออฟโรด
สิ่งที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างและโดดเด่นอย่างแท้จริงในตลาด SUV ไฟฟ้าปี 2025 คือความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด จากประสบการณ์ที่ได้ทดลองขับในสถานการณ์จริงที่จำลองเส้นทางออฟโรด ต้องยอมรับว่า ZEEKR 7X ได้ลบความเชื่อที่ว่า “รถยนต์ไฟฟ้าไม่เหมาะกับการลุย” ไปได้อย่างสิ้นเชิง
ระบบช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD คือกุญแจสำคัญ เมื่อปรับเข้าสู่โหมดออฟโรด ช่วงล่างจะยกรถขึ้นโดยอัตโนมัติ เพิ่มระยะต่ำสุดถึงพื้น (ground clearance) เป็น 230 มิลลิเมตร ซึ่งมากกว่าค่าปกติที่ 173 มิลลิเมตร ช่วยให้รถสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ในสถานีทดสอบเนินสลับ รถสามารถถ่ายเทกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะกับพื้นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีล้อลอยจากพื้น สิ่งที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ทำให้ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่
การปีนเนินชันไม่ใช่ปัญหา ด้วยพละกำลังและแรงบิดมหาศาลจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ ZEEKR 7X สามารถไต่เนินชันได้อย่างง่ายดาย และเมื่อหยุดรถกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบก็จัดการพลังงานได้อย่างราบรื่น ไม่กระชากจนล้อฟรีทิ้ง ในการลงเนินสูง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำ เทียบเท่ารถยนต์พรีเมียมในกลุ่มยุโรป ทำให้การลงเนินเป็นไปอย่างปลอดภัยและสบายใจ
การวิ่งผ่านเส้นทางขรุขระแสดงให้เห็นถึงความนุ่มนวลของช่วงล่างถุงลม แต่สิ่งที่โดดเด่นยิ่งกว่าคือพวงมาลัยที่ยังคงนิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือสะท้านมือให้เห็นแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างและคุณภาพของระบบช่วงล่างโดยรวม สรุปได้ว่าในส่วนของการขับขี่แบบออฟโรด ZEEKR 7X สอบผ่านด้วยคะแนนที่ยอดเยี่ยม และกลายเป็นจุดเด่นที่ไม่คาดคิดสำหรับ SUV ไฟฟ้ารุ่นนี้
ระบบความปลอดภัย: รากฐานที่มั่นคงสำหรับทุกการเดินทาง
ความปลอดภัยคือหัวใจหลักในการออกแบบ ZEEKR 7X ซึ่งสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ที่ไม่เพียงเน้นประสิทธิภาพ แต่ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัย โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
ZEEKR 7X ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP โดยได้คะแนนสูงถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ZEEKR ในการปกป้องทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ ระบบช่วยขับขี่ ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพของระบบช่วยเหลือต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบเตือนการออกนอกเลน และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เพื่อให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุด
การรับประกันและราคา: ความคุ้มค่าที่มาพร้อมคุณภาพ
ZEEKR ประเทศไทย ได้ประกาศราคาคาดการณ์ของ ZEEKR 7X (นำเข้าแบบ CBU จากจีน) ซึ่งถือเป็นราคาที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีและสมรรถนะที่ได้รับ:
ZEEKR 7X Long Range RWD: ช่วงราคาประมาณ 1,700,000 บาท
ZEEKR 7X Performance AWD: ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท
(ราคาอย่างเป็นทางการจะประกาศในไทย 15 สิงหาคม 2025 นี้)
พร้อมกันนี้ ยังมาพร้อมแพ็คเกจการรับประกันคุณภาพที่มอบความอุ่นใจให้กับผู้ใช้งาน:
รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty): นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
รับประกันแบตเตอรี่ และ มอเตอร์: นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน: นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
การรับประกันที่ครอบคลุมนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของ ZEEKR ในคุณภาพและความทนทานของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในบริบทของตลาดปี 2025 ที่ผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงต่อการบริการหลังการขาย
บทสรุป: ZEEKR 7X ผู้พลิกเกมในตลาด SUV ไฟฟ้า
จากทั้งหมดที่กล่าวมา ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้า SUV อีกหนึ่งรุ่นที่เข้ามาในตลาด แต่คือผู้พลิกเกมที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าแห่งยุค 2025 ด้วยการผสมผสานดีไซน์ที่หรูหรา สมรรถนะที่ทรงพลัง ความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็ว ห้องโดยสารที่พรีเมียมเต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการบุกตะลุยเส้นทางออฟโรดได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แทบจะหาไม่ได้ในรถยนต์ไฟฟ้าคันอื่นในตลาดปัจจุบัน
ZEEKR 7X ตอบโจทย์ได้ทั้งผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการเดินทางในเมือง ผู้ที่ต้องการความเร้าใจจากการขับขี่สมรรถนะสูง และผู้ที่หลงใหลในการผจญภัยนอกเส้นทาง ที่สำคัญคือยังมาพร้อมแพ็คเกจการรับประกันที่ยอดเยี่ยมและราคาที่แข่งขันได้ ทำให้ ZEEKR 7X เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่สมบูรณ์แบบและพร้อมสำหรับทุกเส้นทางในชีวิต
อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต! หากคุณกำลังมองหา SUV ไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่คือเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจะพาคุณไปได้ทุกที่ ด้วยความหรูหรา สมรรถนะ และความอเนกประสงค์ที่เหนือชั้น ZEEKR 7X คือคำตอบที่คุณตามหา พบกับ ZEEKR 7X คันจริง และสัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำด้วยตัวคุณเองได้ที่โชว์รูม ZEEKR ประเทศไทย หรือติดตามข่าวสารการเปิดราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับนิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าที่แท้จริง!
![[ครบชุด] XU11045 Facebook (50)](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-44.png)
![[ครบชุด] XU11046 ความลับของบ้านสามี!](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-45.png)