[ครบชุด] XU11093 รักพี่เสียดายน้อง

ZEEKR 7X: ผู้นำ SUV ไฟฟ้าหรูยุค 2025 ที่พลิกนิยามคำว่า “ลุย” ด้วยเทคโนโลยีเหนือระดับ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของตลาด EV ในประเทศไทยมาโดยตลอด และหากให้ผมชี้ชัดถึงรถยนต์ที่สร้างความตื่นเต้นและพลิกโฉมวงการในปี 2025 ผมกล้าพูดได้เลยว่า ZEEKR 7X คือหนึ่งในดาวเด่นที่ไม่ควรมองข้าม นี่ไม่ใช่แค่ รถยนต์ไฟฟ้า ZEEKR SUV ทั่วไป แต่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา สมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีล้ำสมัย และที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการพาคุณออกนอกเส้นทางปกติได้อย่างเหนือความคาดหมาย ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของ รถ EV SUV ที่ท้าทายทุกข้อจำกัดเดิมๆ

นับตั้งแต่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ผมได้ติดตาม ZEEKR 7X อย่างใกล้ชิด และจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสและวิเคราะห์มา ผมพบว่า ZEEKR 7X ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่ต้องการอะไรที่มากกว่าแค่การเดินทางจากจุด A ไปจุด B แต่เป็นผู้ที่มองหานิยามใหม่ของอิสระ ความสะดวกสบาย และความมั่นใจในทุกสภาพเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนลาดยางในเมืองหลวง หรือการผจญภัยในเส้นทางที่ท้าทายยิ่งขึ้น นี่คือ รถยนต์ไฟฟ้าหรู ที่ไม่ได้มีดีแค่ภาพลักษณ์ แต่ยังอัดแน่นด้วยนวัตกรรมที่พร้อมพาทุกท่านก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของยานยนต์อย่างแท้จริง

เส้นสายแห่งอนาคต: การออกแบบที่บ่งบอกตัวตน

สิ่งแรกที่สะกดทุกสายตาเมื่อได้เห็น ZEEKR 7X คือการออกแบบที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ไม่ได้ยึดติดกับกรอบดีไซน์แบบ SUV ดั้งเดิม แต่ผสมผสานความล้ำสมัย ความบึกบึน และความหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เส้นสายตัวถังที่เฉียบคม ผสานกับความโค้งมนที่กลมกลืน สร้างมิติที่น่าสนใจและบ่งบอกถึง DNA ของ รถ EV SUV แห่งอนาคตได้อย่างชัดเจน ไฟหน้า Stargate Front Light Panel ไม่ใช่เพียงแค่ชุดไฟส่องสว่าง แต่เป็นเหมือนผืนผ้าใบดิจิทัลที่สามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างเอกลักษณ์และความโดดเด่นไม่ซ้ำใครบนท้องถนน การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ทำให้ ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็นงานศิลปะเคลื่อนที่ที่สะท้อนรสนิยมอันเหนือระดับของผู้ครอบครอง

ด้วยมิติตัวถังที่สมดุล ยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,650 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มิลลิเมตร ทำให้ ZEEKR 7X มีสัดส่วนที่ลงตัว มอบทั้งความกว้างขวางภายในห้องโดยสารและความมั่นคงในการขับขี่ ระยะต่ำสุดถึงพื้น (ground clearance) ที่ 173 มิลลิเมตร อาจดูเหมือนมาตรฐานสำหรับ SUV ทั่วไป แต่ด้วยนวัตกรรมช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD ทำให้ความสามารถในการปรับระดับความสูงของรถนั้นเหนือกว่าคู่แข่งหลายรายในเซกเมนต์เดียวกัน ล้ออัลลอย Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 ที่ติดตั้งมาในรุ่นท็อป ไม่เพียงแต่เสริมความดุดัน แต่ยังช่วยเรื่องการยึดเกาะถนนและสมรรถนะการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ประตูทั้งสี่บานที่มาพร้อมระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ยังเป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่ตอกย้ำถึงความพรีเมียมและสะดวกสบายที่ ZEEKR 7X มอบให้

ปลดปล่อยขุมพลัง: สมรรถนะอันเร้าใจในทุกมิติ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X โดดเด่นในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 2025 คือขุมพลังขับเคลื่อนที่น่าประทับใจ ด้วยสถาปัตยกรรม 800V และแบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างพิถีพิถัน ทำให้ ZEEKR 7X มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปอย่างสิ้นเชิง โดยมีให้เลือก 2 รุ่นหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่:

รุ่น Long Range RWD:
นี่คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพการขับขี่ที่คล่องตัวและระยะทางวิ่งที่ยอดเยี่ยม มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ขับเคลื่อนล้อหลัง มอบพละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 440 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที ถือว่ารวดเร็วทันใจสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและยังให้ความรู้สึกสนุกสนานในการขับขี่อีกด้วย ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดกว่า 700 กม. ตามมาตรฐาน NEDC (ซึ่งสะท้อนถึงการขับขี่จริงได้เป็นอย่างดี) ทำให้รุ่น Long Range RWD เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา EV SUV ที่ใช้งานได้จริงในระยะทางไกลๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อยครั้ง

รุ่น Performance AWD:
สำหรับผู้ที่หลงใหลในความแรงและต้องการสมรรถนะสูงสุด รุ่น Performance AWD คือคำตอบที่ใช่ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุดถึง 710 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถเทียบชั้นกับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงได้เลยทีเดียว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที คือความเร้าใจที่สัมผัสได้ในทุกครั้งที่กดคันเร่ง ทำให้คุณพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ ความเร็วสูงสุดยังคงอยู่ที่ 210 กม./ชม. พร้อมระยะทางวิ่งกว่า 600 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ถึงแม้จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่น RWD แต่สิ่งที่ได้มาคือการควบคุมที่ยอดเยี่ยมและพลังในการยึดเกาะถนนในทุกสภาพอากาศ

นอกจากขุมพลังที่เหนือชั้นแล้ว ระบบเบรกดิสก์เบรก 4pot พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม ที่เห็นในรุ่น Performance ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการหยุดรถได้อย่างมั่นใจ ควบคุมได้ในทุกสถานการณ์ นับเป็นความลงตัวระหว่างพลังที่ล้นเหลือและความสามารถในการควบคุมที่แม่นยำ

พลิกนิยาม “ลุย” สำหรับ EV SUV: บทพิสูจน์แห่งความแกร่ง

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ ZEEKR 7X สร้างความประหลาดใจให้กับผมและผู้คนในวงการคือความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด ในอดีต รถยนต์ไฟฟ้า มักถูกมองว่าไม่เหมาะกับการลุย ด้วยข้อจำกัดด้านแบตเตอรี่และระบบส่งกำลัง แต่ ZEEKR 7X ได้เข้ามาหักล้างความเชื่อนี้อย่างสิ้นเชิง

ผมมีโอกาสได้ทดสอบ ZEEKR 7X ในสนามทดสอบที่มีสถานีออฟโรดจำลอง ซึ่งเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเนินสลับ เนินชัน และทางขรุขระ ก่อนการทดสอบ ผมยอมรับว่าไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักจาก รถ EV SUV ที่ดูหรูหราคันนี้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับทำให้ผมทึ่ง!

ทันทีที่ปรับโหมดขับขี่เป็น Off-Road ช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension ก็ทำงานโดยอัตโนมัติ ยกระดับความสูงของตัวรถขึ้นถึง 230 มิลลิเมตร ซึ่งมากพอที่จะผ่านอุปสรรคได้อย่างสบายๆ ในสถานีเนินสลับ ที่ล้อจะลอยจากพื้นทีละข้าง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้าของ ZEEKR 7X Performance AWD แสดงประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม มันถ่ายเทกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะพื้นได้อย่างฉับไว ทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีอาการติดขัด ที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ทำให้ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างเหลือเชื่อ

เมื่อถึงสถานีเนินชัน พละกำลังมหาศาลของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้ ZEEKR 7X ไต่ขึ้นเนินได้อย่างง่ายดาย แม้ในจังหวะที่หยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบก็ยังคงจัดการพลังงานได้อย่างชาญฉลาด ไม่ส่งกำลังที่รุนแรงจนล้อฟรีทิ้ง ทำให้การควบคุมเป็นไปอย่างราบรื่นและแม่นยำ ส่วนการลงเนินสูงนั้น ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ให้ความรู้สึกมั่นคงและควบคุมความเร็วได้อย่างนุ่มนวล ราวกับขับรถยุโรปพรีเมียมกลุ่ม Off-Road โดยเฉพาะ ถือเป็นประสบการณ์ที่สบายใจและปลอดภัยอย่างแท้จริง

การวิ่งผ่านเส้นทางขรุขระเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ ช่วงล่างถุงลมมอบความนุ่มนวลและลดแรงสะเทือนที่ส่งมายังห้องโดยสารได้อย่างดีเยี่ยม แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ พวงมาลัยยังคงนิ่งและแม่นยำ ไม่มีอาการสั่นหรือสะท้านมือให้รู้สึกรบกวน ซึ่งบ่งบอกถึงการออกแบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดีสำหรับ EV ออฟโรด ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า ที่กล้าพาคุณออกนอกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ

การชาร์จไฟที่รวดเร็วไร้ขีดจำกัด: เติมเต็มอิสระแห่งการเดินทาง

ในยุค รถยนต์ไฟฟ้า 2025 ความเร็วในการชาร์จคือปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ZEEKR 7X ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยเทคโนโลยีการชาร์จที่ล้ำสมัย รองรับทั้งหัวชาร์จ Type 2 และ CCS Combo ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จกระแสสลับ (AC) สูงสุด 22 kW หรือการชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging) ที่รองรับสูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในความเร็วสูงสุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ด้วยพลังการชาร์จ DC 360 kW ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที ซึ่งเทียบเท่ากับการหยุดพักเข้าห้องน้ำหรือดื่มกาแฟสั้นๆ และยังมาพร้อมระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) สูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ที่เปลี่ยนรถของคุณให้เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ หรือใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน นี่คือความยืดหยุ่นและการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ของ รถ EV อย่างแท้จริง

ห้องโดยสารพรีเมียม: สุนทรียภาพแห่งการเดินทาง

ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะพบกับอาณาจักรแห่งความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับในทุกมิติ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa แท้ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและละเอียดอ่อน ไม่เพียงแต่ให้สัมผัสที่หรูหรา แต่ยังมอบความสบายสูงสุดในการเดินทางระยะไกล เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และระบบทำความร้อน ช่วยคลายความเมื่อยล้าและปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ทำให้การขับขี่ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายและการฟื้นฟูพลังงาน

เบาะหลังที่สามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในผู้โดยสารอย่างแท้จริง ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะกับการพักผ่อน การทำงาน หรือแม้แต่การรับชมภาพยนตร์ ทำให้พื้นที่เบาะหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ สะท้อนถึงการออกแบบที่คำนึงถึงทุกอิริยาบถและความต้องการของผู้โดยสาร

ศูนย์กลางเทคโนโลยีและสาระบันเทิง: เชื่อมต่อโลกในทุกการเดินทาง

ZEEKR 7X คือขุมรวมของเทคโนโลยีสารสนเทศและความบันเทิงที่ล้ำสมัย เริ่มจากหน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูงถึง 3.5K มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง การเข้าถึงสื่อบันเทิง หรือการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ก็ทำได้อย่างราบรื่นและสวยงาม

เสริมด้วยหน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาดใหญ่ถึง 36.21 นิ้ว ที่ฉายข้อมูลสำคัญ เช่น ความเร็ว เส้นทางนำทาง หรือข้อมูลระบบความปลอดภัย ขึ้นมาบนกระจกหน้ารถโดยตรง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่อย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ทำหน้าที่แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสวยงาม

การทำงานของระบบหน้าจอทั้งหมดนี้ ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor ที่ใช้เทคโนโลยี 5nm Process Technology ซึ่งเป็นชิประดับเรือธง มอบพลังการประมวลผลที่รวดเร็วและราบรื่น ทำให้การสั่งงานฟังก์ชันต่างๆ ทำได้อย่างฉับไว ไร้รอยต่อ และตอบสนองต่อคำสั่งได้อย่างทันทีทันใด

เติมเต็มสุนทรียภาพแห่งการเดินทางด้วยระบบเสียง ZEEKR Sound Pro ที่มาพร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอถึง 21 ตำแหน่งรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ มอบประสบการณ์การฟังเพลงหรือชมภาพยนตร์ที่ดื่มด่ำและสมจริงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ความปลอดภัยระดับสากล: ความอุ่นใจในทุกเส้นทาง

ความปลอดภัยคือหัวใจหลักที่ ZEEKR ยึดมั่นในการพัฒนายานยนต์ทุกคัน ZEEKR 7X ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดโดยเฉพาะ ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการพิสูจน์แล้วด้วยการรับรองมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับสากล โดยทำคะแนนได้ถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง

ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ZEEKR AD ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและความน่าเชื่อถือในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคัน และมอบฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครัน เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning) และอื่นๆ อีกมากมาย โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความปลอดภัยสูงสุด แต่ยังลดน้ำหนักของตัวรถ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้นไปอีก

บทสรุป: ZEEKR 7X ผู้นำที่ครบครันในทุกมิติ

โดยสรุปแล้ว ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ รถยนต์ไฟฟ้า ZEEKR รุ่นใหม่ แต่คือการก้าวข้ามขีดจำกัดและนิยามใหม่ของ EV SUV ในปี 2025 ที่ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีล้ำสมัย และความสามารถในการใช้งานที่หลากหลายได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความประหลาดใจกับศักยภาพในการลุยออฟโรดเบาๆ ที่หาได้ยากในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในปัจจุบัน ทำให้ ZEEKR 7X มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน

ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าหรู สำหรับการเดินทางในเมืองที่สะดวกสบายและเหนือระดับ หรือต้องการ รถ EV SUV ที่พร้อมพาคุณออกไปผจญภัยในวันหยุดสุดสัปดาธ์ ZEEKR 7X ก็สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยตัวเลือกรุ่น Long Range RWD ที่มอบระยะทางวิ่งที่ยาวนาน และรุ่น Performance AWD ที่ให้ความเร้าใจในทุกการขับขี่ คุณจะได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและน่าประทับใจอย่างแน่นอน

การรับประกันคุณภาพตัวรถ ที่ ZEEKR ประเทศไทย มอบให้ ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. สำหรับตัวรถ และ 8 ปี หรือ 180,000 กม. สำหรับแบตเตอรี่และมอเตอร์ รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. ตอกย้ำถึงความมั่นใจในคุณภาพและบริการหลังการขาย ทำให้การเป็นเจ้าของ ZEEKR 7X คือการลงทุนที่คุ้มค่าและไร้ความกังวล

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต! หากคุณคือผู้ที่มองหานิยามใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบครันในทุกด้าน ทั้งความหรูหรา สมรรถนะ ความปลอดภัย และเทคโนโลยีล้ำสมัย ZEEKR 7X คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม ขอเชิญสัมผัสประสบการณ์การขับขี่สุดพิเศษนี้ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม ZEEKR 7X ถึงเป็นหนึ่งใน รถยนต์ไฟฟ้า ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในปี 2025

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายทดลองขับ ZEEKR 7X ได้แล้ววันนี้ เพื่อเปิดประตูสู่โลกแห่งยานยนต์ไฟฟ้าที่ไม่เหมือนใคร!