[ครบชุด] XU11096 เกิดเป็นคนอย่าขี้เกียจ ต้องหาเงินให้มากกว่าที่เราใช้

ZEEKR 7X: พลิกนิยาม SUV ไฟฟ้าแห่งอนาคต 2025 – หรูหรา ทรงพลัง พร้อมลุยทุกเส้นทางที่คุณไม่เคยคาดคิด

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ผมได้เห็นพัฒนาการของรถ EV มาอย่างต่อเนื่อง จากยุคเริ่มต้นที่เน้นเพียงแค่การประหยัดพลังงาน มาจนถึงปี 2025 ที่ความต้องการของผู้บริโภคมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่สมรรถนะหรือระยะทางวิ่ง แต่ยังรวมถึงความหรูหรา เทคโนโลยี และที่สำคัญคือ “ความสามารถรอบด้าน” ซึ่งเป็นสิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าหลายค่ายยังคงพยายามไขว่คว้า

วันนี้ ผมจะพาคุณเจาะลึก ZEEKR 7X (ซีคเกอร์ 7X) SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่ง จากแบรนด์พรีเมียมภายใต้ Geely Group ที่กำลังจะเข้ามาเขย่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย กับคำกล่าวอ้างที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่านี่คือ “SUV ไฟฟ้าที่พอลุยได้” ซึ่งจากประสบการณ์ตรง ผมขอบอกเลยว่าคำว่า “พอลุยได้” ของ ZEEKR 7X นั้น อาจจะเกินกว่าที่คุณคิดไว้มาก

จากแนวคิดสู่ความเป็นจริง: การเปิดตัว ZEEKR 7X ในตลาดไทย 2025

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2025 นั้นเรียกได้ว่าดุเดือดและมีทางเลือกมากมาย แต่ ZEEKR 7X ได้สร้างกระแสความสนใจอย่างล้นหลามตั้งแต่มีการประกาศนำเข้าแบบ CBU (Complete Built Up) จากจีน ด้วยรูปลักษณ์ที่ฉีกกรอบ SUV ไฟฟ้าทั่วไป ให้ความรู้สึกถึงความหรูหราล้ำสมัยที่มาพร้อมเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว และการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้ กำลังจะเป็นหมุดหมายสำคัญที่ ZEEKR จะเข้ามาปักธงในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมในบ้านเรา

ZEEKR ประเทศไทย ได้วางกลยุทธ์ด้านราคาที่น่าสนใจเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูง แต่ยังคงความคุ้มค่า โดยคาดการณ์ราคาสำหรับรุ่น 7X Long Range RWD ไว้ที่ช่วง 1,700,000 บาท และรุ่น 7X Performance AWD ไม่เกิน 1,900,000 บาท ซึ่งถือเป็นการตั้งราคาที่แข่งขันได้ในตลาด SUV ไฟฟ้าขนาดกลางถึงใหญ่ ที่สำคัญคือความมั่นใจที่มอบให้ผ่านการรับประกันคุณภาพตัวรถถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์นานถึง 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร นี่คือความมุ่งมั่นที่ ZEEKR มีต่อผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง

มิติตัวถังของ ZEEKR 7X ก็สะท้อนความเป็น SUV ที่กว้างขวางและใช้งานได้หลากหลาย ด้วยความยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร สูง 1,650 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร ให้พื้นที่ภายในที่โปร่งสบาย ขณะที่ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 173 มิลลิเมตร ก็บ่งบอกถึงความสามารถในการขับขี่ที่เหนือกว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปในตลาด นอกจากนี้ พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 539 ลิตร ที่สามารถขยายได้ถึง 1,978 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง และ Frunk ด้านหน้าขนาด 66 ลิตร ก็ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้อย่างลงตัว

ขุมพลังที่เหนือชั้น: สมรรถนะที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่

เมื่อพูดถึง “สมรรถนะ” ในรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025 เราไม่ได้มองแค่ตัวเลขแรงม้าแรงบิดอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน ความฉับไวในการตอบสนอง และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ZEEKR 7X มาพร้อมทางเลือกสองรุ่นที่ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว

รุ่น Long Range RWD: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถ SUV ไฟฟ้าที่เน้นระยะทางวิ่งสูงสุดและความคุ้มค่าในชีวิตประจำวัน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดมหาศาล 440 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินพอสำหรับการใช้งานบนท้องถนนทั่วไปและการเร่งแซงที่มั่นใจ ZEEKR 7X ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) แบบ 800V ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยความจุ 100 kWh รุ่น Long Range RWD สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่น่าประทับใจคือระยะทางวิ่งมากกว่า 700 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งแม้จะเป็นค่า NEDC แต่ก็บ่งชี้ถึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในการเดินทางระยะไกล

รุ่น Performance AWD: สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้าที่พร้อมเผชิญทุกสภาพถนน รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาล 710 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่คือความรู้สึก “หลังติดเบาะ” ที่สัมผัสได้ในทุกครั้งที่กดคันเร่ง แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh แบบ 800V Technology Lithium-ion (NMC) เช่นเดียวกับรุ่น RWD แต่ด้วยการจัดการพลังงานที่ซับซ้อนขึ้นเพื่อรองรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 3.8 วินาทีเท่านั้น นี่คือตัวเลขที่เทียบเท่ากับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงหลายคัน แต่มาในรูปแบบของ SUV ที่ใช้งานได้จริง ความเร็วสูงสุดยังคงอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่ระยะทางวิ่งมากกว่า 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ซึ่งยังคงเป็นระยะทางที่น่าพอใจสำหรับ SUV ไฟฟ้าสมรรถนะสูง

ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใด ZEEKR 7X ก็พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ด้วยขุมพลังที่เหลือเฟือและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V ที่เป็นกุญแจสำคัญสู่โลกยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต

ปลดล็อกขีดจำกัด: ประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดที่เหนือความคาดหมาย

นี่คือจุดเด่นที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างและน่าสนใจอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่ทำให้ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญต้องหันมามองด้วยความทึ่ง ในช่วงของการทดสอบก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่เขาใหญ่ ผมยอมรับว่ามีความคาดหวังเพียงเล็กน้อยสำหรับ “SUV ไฟฟ้าที่พอลุยได้” เพราะโดยธรรมชาติของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีน้ำหนักแบตเตอรี่มากและเน้นการใช้งานบนถนนเรียบเป็นหลัก การจะพาไปลุยในเส้นทางออฟโรดนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ ZEEKR 7X กลับพลิกทุกความคาดหมาย

ในสนามทดสอบที่จำลองสถานการณ์ออฟโรดต่างๆ ZEEKR 7X ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าทึ่ง เมื่อเปลี่ยนโหมดการขับขี่เป็น Off-road ระบบช่วงล่างถุงลมแบบ Active Air Suspension with CCD จะทำการยกตัวถังขึ้นอัตโนมัติถึง 230 มิลลิเมตร เพิ่มระยะ Ground Clearance ให้สูงขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้สามารถผ่านอุปสรรคได้อย่างมั่นใจ

เริ่มต้นที่สถานี “เนินสลับ” ซึ่งเป็นบททดสอบการยืดหยุ่นของช่วงล่างและการถ่ายเทกำลังของระบบขับเคลื่อน เมื่อล้อข้างหนึ่งลอยจากพื้น รถจะถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะอยู่ ทำให้รถสามารถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก แสดงให้เห็นถึงการออกแบบแชสซีและระบบกันสะเทือนที่คิดมาอย่างรอบคอบ

ต่อมาที่ “เนินชัน” ด้วยพละกำลังมหาศาลจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ ZEEKR 7X สามารถปีนป่ายขึ้นเนินชันได้อย่างง่ายดาย และในจังหวะที่ต้องหยุดรถกลางเนินชันแล้วออกตัวใหม่ ระบบก็จัดการพลังงานได้อย่างชาญฉลาด ไม่ส่งกำลังที่รุนแรงจนเกินไปจนทำให้ล้อฟรีทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูง ส่วนในสถานี “ลงเนินสูง” ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC – Hill Descent Control) ก็ทำงานได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ ให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยราวกับขับรถ SUV พรีเมียมจากค่ายยุโรปชั้นนำ

การวิ่งผ่าน “เส้นทางขรุขระ” ด้วยช่วงล่างถุงลม ทำให้การเดินทางมีความนุ่มนวลอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือพวงมาลัยยังคงนิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแม้แต่น้อย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างและการปรับแต่งช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม สรุปได้ว่าในเรื่องของสมรรถนะออฟโรด ZEEKR 7X สอบผ่านอย่างไม่น่าเชื่อ! มันไม่ได้เป็นแค่ “SUV ไฟฟ้าที่พอลุยได้” แต่มันคือ SUV ไฟฟ้าที่ “พร้อมลุย” อย่างจริงจัง

เมื่อกลับมาสู่ “ทางเรียบ” สมรรถนะของ ZEEKR 7X ก็ยังคงโดดเด่นไม่แพ้กัน แรงดึงมหาศาลที่คุณสัมผัสได้ในรุ่น Performance นั้นมาพร้อมกับความนุ่มนวลของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่รุ่น Long Range ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน แรงดึงที่ให้มาก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล ช่วงล่างของรุ่น Long Range ให้ความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ อาจจะมีความกระด้างกว่ารุ่น Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ให้ความสบายในการขับขี่ที่เหนือกว่า SUV ไฟฟ้าหลายรุ่นในตลาด

ความหรูหราที่สัมผัสได้: การออกแบบและนวัตกรรมภายในห้องโดยสาร

ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะพบกับพื้นที่ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับในทุกมิติ นี่คือการผสมผสานระหว่างความหรูหรา นวัตกรรม และฟังก์ชันการใช้งานอย่างลงตัว ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ ZEEKR ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมไฟฟ้าพรีเมียมอย่างแท้จริง

เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความนุ่มนวล ความประณีต และความหรูหรา ไม่เพียงแต่ให้สัมผัสที่สบายอย่างเหนือชั้น แต่ยังยกระดับรสนิยมของเจ้าของรถได้อย่างชัดเจน เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ซึ่งจะช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการขับขี่ระยะไกลหรือจากการทำงานอันหนักหน่วง ให้ทุกการเดินทางกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายและฟื้นฟูพลังงาน

จุดเด่นอีกประการคือเบาะนั่งด้านหลังที่สามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หาได้ยากในรถยนต์กลุ่มนี้ ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการเอนได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน อ่านหนังสือ พักผ่อน หรือแม้แต่การรับชมความบันเทิง ทำให้ห้องโดยสารด้านหลังของ ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ที่นั่ง แต่คือ “ห้องนั่งเล่นส่วนตัว” ที่สมบูรณ์แบบ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดทุกอิริยาบถของผู้โดยสาร

ระบบสาระบันเทิงและข้อมูลภายในห้องโดยสารเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ ZEEKR 7X จัดเต็มมาให้ หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียดระดับ 3.5K ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส และแสดงรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง การควบคุมฟังก์ชันต่างๆ หรือการรับชมสื่อบันเทิง นอกจากนี้ยังมีหน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาดใหญ่ถึง 36.21 นิ้ว ที่ฉายข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถโดยตรง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆ โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่

หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ก็ถูกออกแบบมาให้สวยงามและอ่านง่าย การทำงานของหน้าจอทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ซึ่งเป็นชิประดับเรือธงในวงการยานยนต์ ทำให้การประมวลผลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ลื่นไหล และตอบสนองต่อคำสั่งได้อย่างฉับไว ไร้รอยต่อ

ประสบการณ์ด้านเสียงก็ไม่เป็นรองใคร ด้วยระบบเสียง ZEEKR Sound Pro ที่มาพร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอถึง 21 ตำแหน่งรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ให้คุณดื่มด่ำกับสุนทรียภาพของเสียงเพลงหรือภาพยนตร์ได้อย่างเต็มอรรถรส

ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์พรีเมียมอื่นๆ ที่เสริมความหรูหราและสะดวกสบาย อาทิ ระบบไฟหน้า Stargate Front Light Panel ที่สามารถเปลี่ยนกราฟิกได้หลายรูปแบบตามอารมณ์และสถานการณ์, ล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 (สำหรับบางรุ่นย่อย), ระบบเบรกดิสก์เบรก 4pot พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม ที่ไม่เพียงแค่หยุดรถได้อย่างมั่นใจ แต่ยังเพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถ, ประตูทั้ง 4 บานที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และม่านบังแดดประตูคู่หลังที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ ZEEKR 7X

ความปลอดภัยที่เหนือกว่า: อุ่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

เมื่อพูดถึงยนตรกรรมไฟฟ้าปี 2025 เรื่อง “ความปลอดภัย” คือหัวใจสำคัญที่ไม่สามารถประนีประนอมได้ ZEEKR 7X ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงและให้ความปลอดภัยสูงสุด ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยนี้ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานระดับโลกอย่าง Euro NCAP 5 ดาว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความน่าเชื่อถือ โดย ZEEKR 7X ได้คะแนนถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง

หัวใจหลักของระบบความปลอดภัยเชิงรุกคือระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลที่ทรงพลังและแม่นยำ ช่วยให้ระบบสามารถตรวจจับสภาพแวดล้อม วิเคราะห์ข้อมูล และให้ความช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการรักษาระยะห่าง การเตือนการชน หรือการช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน

นอกจากนี้ โครงสร้างตัวรถยังถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยใช้โครงสร้างแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast หรือการขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแกร่งและปลอดภัยในการชนเท่านั้น แต่ยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถโดยรวม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้นอีกด้วย ทุกองค์ประกอบเหล่านี้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อมอบความอุ่นใจและความมั่นใจสูงสุดในทุกการเดินทาง ไม่ว่าคุณจะขับขี่ในเมือง หรือออกผจญภัยในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

การชาร์จไฟที่รวดเร็วและสะดวกสบาย: ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

ในโลกของรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025 “ความรวดเร็วและความสะดวกสบาย” ในการชาร์จไฟคือปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ ZEEKR 7X ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยสถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ 800V ที่เป็นนวัตกรรมสำคัญ ทำให้สามารถรองรับการชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging) ได้สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลขที่สูงที่สุดในตลาดปัจจุบัน

ด้วยขีดความสามารถในการชาร์จที่ 360 kW ทำให้ ZEEKR 7X สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ไปถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาทีเท่านั้น นี่คือความเร็วที่พลิกโฉมประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้การแวะชาร์จไฟระหว่างการเดินทางไกลกลายเป็นเรื่องง่ายและใช้เวลารอไม่ต่างจากการเติมน้ำมันในอดีต

สำหรับการชาร์จกระแสสลับ (AC) ในบ้านหรือตามสถานีชาร์จสาธารณะ ZEEKR 7X ก็รองรับสูงสุดถึง 22 kW ทำให้การชาร์จไฟทิ้งไว้ค้างคืนสะดวกสบายและรวดเร็วพอสำหรับใช้งานในแต่ละวัน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L – Vehicle to Load) ที่สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้กับรถได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก หรือแม้แต่เป็นแหล่งพลังงานสำรองยามฉุกเฉิน ZEEKR 7X จึงเป็นมากกว่ารถยนต์ แต่เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ที่พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในยุคปัจจุบัน

สรุป: ZEEKR 7X ยนตรกรรมไฟฟ้าที่สร้างนิยามใหม่

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาในวงการยานยนต์ ผมได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้ามากมายเข้ามาและจากไป แต่มีไม่กี่รุ่นที่สามารถสร้างความประทับใจและพลิกโฉมความเข้าใจเดิมๆ ได้อย่าง ZEEKR 7X ยนตรกรรมคันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ SUV ไฟฟ้าที่มาพร้อมความหรูหราและสมรรถนะอันทรงพลังเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้บุกเบิกในเซกเมนต์ที่ยังไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามา นั่นคือ “SUV ไฟฟ้าที่พร้อมลุยออฟโรดได้อย่างเหนือความคาดหมาย”

ZEEKR 7X คือการรวมเอาสุดยอดเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านความปลอดภัย และการออกแบบที่หรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะมองหารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการเดินทางในเมืองใหญ่ การผจญภัยในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย หรือการเดินทางไกลกับครอบครัว ด้วยตัวเลือก Long Range RWD ที่เน้นระยะทางและ Performance AWD ที่มอบขุมพลังและระบบขับเคลื่อนที่เหนือชั้น ZEEKR 7X ก็พร้อมที่จะตอบสนองทุกความต้องการของคุณได้อย่างไร้ที่ติ และด้วยออปชั่นที่จัดเต็มทั้งภายในและภายนอก รวมถึงระบบช่วงล่างถุงลมอันชาญฉลาด ทำให้ ZEEKR 7X เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าจับตามองอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าประเทศไทยปี 2025

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคต! สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าและร่วมเปิดมิติใหม่แห่งยนตรกรรมไฟฟ้ากับ ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อตัวแทนจำหน่าย ZEEKR ประเทศไทยวันนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดราคาอย่างเป็นทางการและโอกาสในการทดลองขับ SUV ไฟฟ้าแห่งอนาคตคันนี้ ก่อนใคร!