[ครบชุด] XU11138 เพื่อนเห็นแก่ตัว

BYD SHARK6 PHEV 2025: พลิกโฉมอุตสาหกรรมกระบะไทย – เจาะลึกทุกมิติจากผู้เชี่ยวชาญยานยนต์

จากประสบการณ์กว่าทศวรรษในวงการยานยนต์ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่การมาถึงของ BYD SHARK6 PHEV ในปี 2025 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะในตลาดรถกระบะประเทศไทย ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งพลังงานทางเลือกอย่างเต็มตัว BYD ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ได้สร้างสรรค์รถกระบะ PHEV คันแรกของค่าย ที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย แต่ยังนำเสนอนวัตกรรมและสมรรถนะที่น่าทึ่ง ซึ่งจะมาเขย่าบัลลังก์เจ้าตลาดเดิมอย่างแน่นอน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมจะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของ BYD SHARK6 เพื่อให้เห็นภาพว่าเหตุใดกระบะคันนี้จึงถูกยกให้เป็น “อนาคตของรถกระบะไทย” อย่างแท้จริง

การผงาดขึ้นของ BYD และจุดเปลี่ยนของตลาดกระบะไทยปี 2025

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ ผู้บริโภคมีความต้องการรถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง BYD ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ระดับโลก ได้เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้าของไทย และตอนนี้พวกเขากำลังรุกเข้าสู่เซกเมนต์รถกระบะ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคนไทย การเปิดตัว BYD SHARK6 PHEV จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มตัวเลือกในตลาด แต่เป็นการประกาศสงครามเทคโนโลยีและสมรรถนะครั้งใหม่ ที่จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมยานยนต์กระบะในประเทศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

สิ่งที่ทำให้ BYD ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในไทยคือ “ความเข้าใจตลาด” และ “นวัตกรรมที่จับต้องได้” พวกเขานำเสนอรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ที่โดดเด่นเรื่องความปลอดภัยและอายุการใช้งาน รวมถึงระบบขับเคลื่อนที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ SHARK6 กระบะ PHEV คันนี้ก็เช่นกัน มันถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม DMO (Dual Mode Off-road) Super Hybrid Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยี PHEV ล่าสุดของ BYD ที่ออกแบบมาเพื่อยานยนต์ออฟโรดโดยเฉพาะ ทำให้ SHARK6 ไม่ได้เป็นแค่กระบะ Plug-in Hybrid ทั่วไป แต่เป็น “รถกระบะ 4×4 ไฮบริด” ที่พร้อมลุยในทุกสภาพเส้นทางและทุกสถานการณ์

รูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งและมิติที่เหนือกว่า

BYD SHARK6 มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและสมรรถนะอย่างชัดเจน เส้นสายตัวถังที่ดุดัน ไฟหน้า LED ดีไซน์ล้ำสมัยพร้อมฟังก์ชัน Follow-me-home และไฟท้าย LED แบบ Sequential เสริมให้รถดูทันสมัยและโดดเด่นบนท้องถนน สิ่งที่น่าประทับใจคือขนาดตัวถังที่ใหญ่โต ซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญสำหรับ “รถกระบะอเนกประสงค์”
ยาว: 5,457 มิลลิเมตร
กว้าง: 1,971 มิลลิเมตร
สูง: 1,925 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ (Wheelbase): 3,260 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance): 200 มิลลิเมตร
ความสามารถในการลุยน้ำสูงสุด: 700 มิลลิเมตร
กระบะท้าย ขนาดความจุ: 1,200 ลิตร
รองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด: 790 กิโลกรัม
รองรับน้ำหนักการลากจูง: 2,500 กิโลกรัม
มุมไต่: 31 องศา

มิติตัวถังเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่สะท้อนถึงการออกแบบที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานและการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดกระบะไทยอย่างแท้จริง ด้วยขนาดที่กว้างขวาง ทำให้ห้องโดยสารมีพื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือ รองรับผู้โดยสารและสัมภาระได้อย่างสะดวกสบาย กระบะท้ายที่มีขนาดใหญ่และความสามารถในการบรรทุกและลากจูงที่น่าประทับใจ ทำให้ SHARK6 เป็น “รถกระบะสำหรับการผจญภัย” ที่พร้อมสำหรับการเดินทางไกลและการใช้งานหนักได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ระยะ Ground Clearance ที่สูง และความสามารถในการลุยน้ำ ยังบ่งบอกถึง DNA ของรถกระบะสายลุยที่พร้อมจะพาคุณไปได้ทุกที่

ขุมพลัง DM-O PHEV: แรง ประหยัด และเป็นมิตร

หัวใจสำคัญที่ทำให้ BYD SHARK6 เหนือกว่าคู่แข่งคือขุมพลัง Plug-in Hybrid DM-O ที่ผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า EHS (Electric Hybrid System) ได้อย่างลงตัว นี่คือ “เทคโนโลยี PHEV ล่าสุด” ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อมอบสมรรถนะสูงสุดและประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เหนือกว่า
พละกำลังรวมสูงสุด: 436 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด: 650 นิวตันเมตร
ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ All-Wheel Drive พร้อมระบบกระจายแรงบิดอัจฉริยะ
แบตเตอรี่: Blade Battery ขนาดความจุ 29.5 kWh
อัตราเร่ง 0-100 km/h: ภายใน 5.7 วินาที
วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน (NEDC): 100 km.
วิ่งได้ไกลสุด (น้ำมัน+ไฟฟ้า): 840 km.
ชาร์จ DC Fast Charge (30-80%): ภายใน 25 นาที
ระบบ V2L (Vehicle to Load): จ่ายกระแสไฟฟ้า 220V ให้อุปกรณ์ภายนอกได้สูงสุด 6,000 watts (6 kW)

ตัวเลขเหล่านี้คือสิ่งที่ตอกย้ำว่า BYD SHARK6 ไม่ได้เป็นเพียงกระบะที่เน้นความประหยัด แต่ยังเป็น “รถกระบะสมรรถนะสูง” อย่างแท้จริง อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 5.7 วินาที เทียบเท่ากับรถสปอร์ตหลายๆ รุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในรถกระบะทั่วไป พละกำลัง 436 แรงม้า และแรงบิด 650 นิวตันเมตร ทำให้ SHARK6 มีเรี่ยวแรงเหลือเฟือสำหรับการเร่งแซง การบรรทุกหนัก หรือแม้แต่การลุยทางออฟโรด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive พร้อมการกระจายแรงบิดอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ ทางลูกรัง หรือเส้นทางที่ต้องใช้ทักษะการขับขี่แบบออฟโรด

สิ่งที่โดดเด่นและเป็นจุดแข็งอย่างมากคือการวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 100 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างมหาศาล และเมื่อแบตเตอรี่หมด เครื่องยนต์เบนซินก็จะเข้ามาทำงานต่อทันที ทำให้หมดกังวลเรื่องระยะทาง “รถกระบะประหยัดน้ำมัน” คันนี้จึงสามารถวิ่งได้ไกลรวมกันถึง 840 กม. พร้อมฟังก์ชัน DC Fast Charge ที่ชาร์จเร็วจาก 30-80% ได้ในเวลาเพียง 25 นาที ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้กังวล

และที่สำคัญที่สุดคือระบบ V2L (Vehicle to Load) ที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้า 220V ออกสู่อุปกรณ์ภายนอกได้สูงสุดถึง 6 kW ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในตลาด ณ ขณะนี้ นี่คือคุณสมบัติที่พลิกโฉมการใช้งานรถกระบะอย่างแท้จริง ทำให้ SHARK6 กลายเป็นสถานีพลังงานเคลื่อนที่ ไม่ว่าคุณจะออกไปตั้งแคมป์ในป่า ทำงานนอกสถานที่ หรือแม้แต่ใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองในกรณีไฟดับที่บ้าน ระบบ “V2L รถยนต์” นี้จะมอบความสะดวกสบายและอิสระในการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

ช่วงล่างระดับพรีเมียมเพื่อการขับขี่ที่เหนือกว่า

เมื่อพูดถึงรถกระบะในเมืองไทย ช่วงล่างมักเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาพูดถึง และ BYD SHARK6 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการจัดวางช่วงล่างที่แตกต่างและเหนือกว่ากระบะในตลาด
ช่วงล่างด้านหน้า: McPherson Strut
ช่วงล่างด้านหลัง: อิสระ Double Wishbone
ระบบเบรก: ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมครีบระบายความร้อน
ล้ออัลลอย: ขนาด 18 นิ้ว
ยาง: ขนาด 265/65 R18

จากการทดสอบขับขี่ในสนามพีระเซอร์กิต พัทยา ผมต้องยอมรับว่าช่วงล่างอิสระ Double Wishbone ที่ด้านหลังของ SHARK6 นั้น สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก มันมอบความนุ่มนวลในการขับขี่ที่เหนือชั้น ประหนึ่งกำลังขับรถ SUV หรูขนาดใหญ่ ไม่ใช่รถกระบะกระด้างๆ อย่างที่หลายคนคุ้นเคย “ช่วงล่างอิสระกระบะ” นี้ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้ง การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และลดอาการโคลงเคลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยเป็นอย่างมากที่มักมีผิวจราจรที่ไม่สม่ำเสมอ

แน่นอนว่าการเลือกใช้ช่วงล่างหลังแบบอิสระนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนเล็กน้อย นั่นคือน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่อาจจะไม่สูงเท่ากับกระบะที่ใช้แหนบ แต่ด้วยความสามารถในการบรรทุก 790 กก. และลากจูง 2,500 กก. ก็ยังถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กถึงกลางอย่างสบายๆ สำหรับผู้ที่มองหา “รถกระบะสำหรับครอบครัว” หรือผู้ที่ต้องการความสบายในการเดินทางเป็นหลัก SHARK6 มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับอย่างแท้จริง

ภายในที่หรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัย

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ BYD SHARK6 คุณจะพบกับบรรยากาศที่หรูหรา ทันสมัย และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่พร้อมอำนวยความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง
มาตรวัด Full Digital: ขนาด 10.25 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ที่ชัดเจนและครบถ้วน
หน้าจอกลาง Touchscreen: ขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมระบบหมุนหน้าจอ (Rotation Function) ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BYD สามารถปรับได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto
ระบบหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (W-HUD): แสดงข้อมูลสำคัญๆ ไม่ต้องละสายตาจากถนน
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำแบบเจาะรู Perforated: เดินตะเข็บด้ายสีส้ม ให้ความรู้สึกสปอร์ตและนั่งสบาย
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support 4 ทิศทาง: ช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ระยะยาว
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า: เพิ่มความสะดวกสบาย
เบาะนั่งด้านหลังพับพนักพิงลงได้: เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระอเนกประสงค์
กระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบลดเสียงรบกวน Acoustic Glass: ช่วยให้ห้องโดยสารเงียบสงบ
กระจกหน้าต่างคู่หลังแบบ Privacy Glass: เพิ่มความเป็นส่วนตัว
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระ ซ้าย-ขวา Dual Zone: พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ทุกองค์ประกอบภายในถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ตำแหน่งปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกจัดวางอย่างเหมาะสม ใช้งานง่าย หน้าจอขนาดใหญ่ที่สามารถหมุนได้ ถือเป็น “นวัตกรรมยานยนต์ BYD” ที่สร้างความแตกต่างและเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการดูแผนที่ในแนวตั้ง หรือการรับชมความบันเทิงในแนวนอน ห้องโดยสารที่กว้างขวาง วัสดุคุณภาพดี และฟังก์ชันที่ครบครัน ทำให้ SHARK6 เป็นเหมือนสำนักงานเคลื่อนที่ หรือห้องรับแขกส่วนตัว ที่พร้อมพาคุณไปทุกที่ด้วยความสะดวกสบายสูงสุด

ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ และ BYD SHARK6 ก็มาพร้อมกับแพ็คเกจความปลอดภัยที่ครบครันและทันสมัยตามมาตรฐานปี 2025
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง: (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-ระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า)
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา: พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
ระบบเบรก ABS / EBD / BA: พื้นฐานสำคัญเพื่อการหยุดรถที่มีประสิทธิภาพ
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC และระบบป้องกันการลื่นไถล TCS: เพื่อการขับขี่ที่มั่นคงบนทุกสภาพถนน
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA และระบบช่วยลงทางลาดชัน HDC: เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางลาดชัน
ระบบเบรกอัตโนมัติ AEB และระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW: ช่วยลดความเสี่ยงจากการชน
ระบบแจ้งเตือนคาดการณ์การชนล่วงหน้า PCW และระบบช่วยเตือนการชนด้านท้าย RCW: เพิ่มความระมัดระวังรอบด้าน
ระบบจดจำป้ายจราจร TSR และระบบแจ้งเตือนจำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISLC: ช่วยให้ขับขี่ตามกฎจราจร
ระบบเตือนเปลี่ยนเลน LDW, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน LDP และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร LKA: เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนทางหลวง
ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB: ป้องกันอุบัติเหตุขณะถอยจอด
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSD และระบบช่วยเตือนเมื่อเปิดประตูรถ DOW: ลดความเสี่ยงในการเปลี่ยนเลนหรือเปิดประตู
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control with Stop & Go: เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกล
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ HMA และระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้า DAW: ช่วยลดความเสี่ยงจากความประมาทของผู้ขับขี่

BYD SHARK6 ไม่เพียงแค่ปกป้องผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุตั้งแต่แรกด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) ที่ครบครันเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานใหม่ของความปลอดภัยใน “รถกระบะพวงมาลัยขวา” แห่งยุคสมัยใหม่

บทสรุปและอนาคตในตลาดไทย

จากการวิเคราะห์เชิงลึก ผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า BYD SHARK6 PHEV ไม่ใช่แค่รถกระบะธรรมดา แต่มันคือตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริงในตลาดรถกระบะไทยปี 2025 ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี DMO Super Hybrid ที่ทรงพลัง ประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เข้ากับดีไซน์ที่แข็งแกร่ง ภายในที่หรูหรา และระบบความปลอดภัยที่อัดแน่น ทำให้ SHARK6 เป็นแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบที่พร้อมจะตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน

จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ “BYD SHARK6” โดดเด่นเหนือคู่แข่งคือความเป็น “กระบะ PHEV” ที่สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 100 กม. พร้อมฟังก์ชัน V2L 6 kW ที่เป็นประโยชน์อย่างมหาศาล และช่วงล่างหลังแบบอิสระ Double Wishbone ที่มอบความนุ่มนวลและเสถียรภาพการขับขี่ระดับพรีเมียม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ตลาดกระบะไทยยังไม่เคยมีมาก่อน และเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหา

เราคงต้องมาลุ้นกันในช่วงปลายปี 2025 นี้ว่า BYD SHARK6 ที่จะผลิตในโรงงาน BYD จังหวัดระยอง สำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ จะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องช่วงล่างด้านหลังที่อาจมีการปรับใช้แหนบในบางรุ่นย่อยเพื่อรองรับอัตราภาษีสรรพสามิตและน้ำหนักบรรทุกที่สูงขึ้นตามความต้องการของตลาดกระบะไทย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของขุมพลังและเทคโนโลยีหลัก ผมเชื่อว่าจะยังคงความยอดเยี่ยมไว้ดังเดิม และที่สำคัญคือ “ราคา BYD SHARK6” ที่จะประกาศออกมา จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้กระบะคันนี้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างกว้างขวางเพียงใด

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามตลาดมาอย่างยาวนาน ผมมองว่า BYD SHARK6 มีศักยภาพที่จะสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ และเป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมรถกระบะไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด มันคือการลงทุนใน “นวัตกรรมยานยนต์ BYD” ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า คุ้มค่ากว่า และยั่งยืนกว่าที่เคยมีมา

หากคุณกำลังมองหารถกระบะที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะ ความประหยัด เทคโนโลยี หรือความสบายในการขับขี่ BYD SHARK6 PHEV คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง การมาถึงของ SHARK6 ในปี 2025 นี้ ไม่ใช่แค่การเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ แต่คือการกำหนดนิยามใหม่ของคำว่า “รถกระบะ” ในประเทศไทย ขอเชิญชวนทุกท่านสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยตนเอง เพื่อพิสูจน์ว่าทำไม BYD SHARK6 จึงเป็นอนาคตที่คุณต้องจับตา

อย่าพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของอนาคต! ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษของ BYD SHARK6 PHEV ได้จากผู้จำหน่าย BYD ใกล้บ้านคุณ แล้วคุณจะพบว่าการขับเคลื่อนในยุคใหม่นั้นน่าตื่นเต้นกว่าที่เคย!