ZEEKR 7X: สุดยอด SUV ไฟฟ้าแห่งอนาคตที่พร้อมลุยทุกเส้นทางในปี 2025
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการรถยนต์ไฟฟ้ามานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของเทคโนโลยีและตลาด EV ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากรถยนต์ไฟฟ้าที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงพาหนะแห่งอนาคต สู่การเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมากทั่วโลก และในปี 2025 นี้ มีหนึ่งในยนตรกรรมที่โดดเด่นและสร้างความตื่นเต้นอย่างยิ่ง นั่นคือ ZEEKR 7X SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่เป็นนิยามใหม่ของความหรูหรา สมรรถนะ และความสามารถรอบด้านที่หาได้ยากยิ่งในตลาดปัจจุบัน
ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถ SUV ไฟฟ้า แต่เป็นภาพสะท้อนของการออกแบบที่พิถีพิถัน เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และความกล้าที่จะฉีกกรอบเดิมๆ ด้วยการนำเสนอความสามารถแบบ “ออฟโรดเบาๆ” ที่หลายคนอาจไม่คาดคิดจากรถยนต์ไฟฟ้า การมาถึงของ ZEEKR 7X ในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า SUV กำลังก้าวเข้าสู่มิติใหม่ที่น่าสนใจและท้าทายมากยิ่งขึ้น
พลิกโฉมการเดินทาง: การออกแบบภายนอกที่หรูหราเหนือกาลเวลา
สิ่งแรกที่สะกดทุกสายตาของ ZEEKR 7X คือการออกแบบภายนอกที่ผสมผสานความหรูหราแบบร่วมสมัยเข้ากับเส้นสายที่แข็งแกร่งและดุดันได้อย่างลงตัว ด้วยสัดส่วนตัวถังที่สมบูรณ์แบบ ยาว 4,787 มม. กว้าง 1,930 มม. และสูง 1,650 มม. ทำให้ ZEEKR 7X ดูใหญ่โตโออ่า แต่ยังคงความปราดเปรียวไว้อย่างน่าประหลาดใจ ระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มม. ไม่เพียงแต่ช่วยให้ห้องโดยสารกว้างขวาง แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ระบบไฟหน้า Stargate Front Light Panel ที่สามารถเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างความรู้สึกที่แตกต่างและสะท้อนบุคลิกของเจ้าของรถได้อย่างลงตัว นี่ไม่ใช่แค่ไฟหน้า แต่เป็นงานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้จริง เสริมด้วยล้ออัลลอย Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 (สำหรับรุ่นท็อป) ที่ไม่เพียงเพิ่มความสวยงาม แต่ยังรองรับสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น การออกแบบนี้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการเดินทางไกล ยิ่งไปกว่านั้น ระยะต่ำสุดถึงพื้นที่ 173 มม. ซึ่งสามารถเพิ่มขึ้นได้ด้วยช่วงล่างถุงลม ยังเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกถึงความสามารถในการลุยที่ไม่ธรรมดา
ภายในที่รังสรรค์เพื่อความผ่อนคลายสูงสุด: ห้องโดยสารระดับ First Class
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะสัมผัสได้ถึงปรัชญาการออกแบบที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายและความหรูหราอย่างแท้จริง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather คุณภาพเยี่ยม ที่ไม่ได้ให้แค่ความนุ่มนวลน่าสัมผัส แต่ยังสื่อถึงรสนิยมอันประณีตของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ที่ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล หรือหลังจากวันทำงานที่หนักหน่วง ให้ทุกการขับขี่เป็นการชาร์จพลังงานไปในตัว
สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ZEEKR 7X ไม่ได้ละเลยความสำคัญ เบาะหลังที่ปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าช่วยให้สามารถปรับองศาการนั่งได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน อ่านหนังสือ พักผ่อน หรือแม้แต่รับชมภาพยนตร์ ทำให้พื้นที่ด้านหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ ม่านบังแดดประตูคู่หลังที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเพิ่มความเป็นส่วนตัวและช่วยลดแสงแดดจากภายนอก บานประตูทั้งสี่ที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ยิ่งตอกย้ำถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับ
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 539 ลิตร และสามารถขยายได้ถึง 1,978 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ตั้งแต่การเดินทางประจำวันไปจนถึงการเดินทางไกลพร้อมสัมภาระมากมาย และยังมีช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 66 ลิตร สำหรับเก็บของใช้ที่ต้องการการเข้าถึงที่รวดเร็วหรืออุปกรณ์ชาร์จไฟ ทำให้ ZEEKR 7X เป็น SUV ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงในทุกมิติ
สุดยอดเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงทุกการเดินทาง: ระบบสารสนเทศและบันเทิงเหนือระดับ
ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ แต่เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงคุณเข้ากับโลกดิจิทัล หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง การเข้าถึงแอปพลิเคชัน หรือการสตรีมความบันเทิง ทุกอย่างจะถูกนำเสนออย่างยอดเยี่ยม
หัวใจหลักของระบบประมวลผลคือชิป Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm ที่มอบการประมวลผลที่รวดเร็ว ลื่นไหล และตอบสนองทุกคำสั่งได้อย่างฉับไว ไม่มีการสะดุดหรือหน่วง ทำให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ เสริมด้วยหน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว ที่ฉายข้อมูลสำคัญในการขับขี่ขึ้นบนกระจกหน้ารถโดยตรง ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่วนหน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ทำหน้าที่แสดงข้อมูลการขับขี่ที่จำเป็นในรูปแบบที่อ่านง่ายและสวยงาม
ประสบการณ์ความบันเทิงใน ZEEKR 7X ได้รับการยกระดับไปอีกขั้นด้วยระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอ 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงแบบรอบทิศทางเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง พอดแคสต์ หรือภาพยนตร์ คุณจะได้รับประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำและสมจริงอย่างที่ไม่เคยเจอในรถยนต์รุ่นใดมาก่อน
ขุมพลังไฟฟ้า 800V: สมรรถนะที่เร้าใจและการเดินทางที่ไร้ขีดจำกัด
ZEEKR 7X นำเสนอสองรุ่นย่อยที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ล้วนขับเคลื่อนด้วยสถาปัตยกรรม 800V อันล้ำสมัย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำที่สุดในโลกของรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน ช่วยให้การชาร์จเร็วขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น และมีประสิทธิภาพโดยรวมสูงขึ้น
7X Long Range RWD:
ขุมพลัง: มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้พละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh
อัตราเร่ง: 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 210 กม./ชม.
ระยะทางวิ่ง: มากกว่า 700 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)
การใช้งาน: รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้ระยะทางวิ่งไกลเป็นพิเศษ พร้อมพละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเดินทางข้ามจังหวัด
7X Performance AWD:
ขุมพลัง: มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ให้พละกำลังสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh
อัตราเร่ง: 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 210 กม./ชม.
ระยะทางวิ่ง: มากกว่า 600 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)
การใช้งาน: สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด ความเร้าใจในการขับขี่ และการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพเส้นทาง รุ่น Performance AWD คือคำตอบ
ทั้งสองรุ่นรองรับหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo กระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และที่น่าประทับใจที่สุดคือการชาร์จกระแสตรง DC Fast Charging สูงสุดถึง 420 kW ทำให้การชาร์จจาก 10-80% ใช้เวลาเพียง 13-16 นาทีเท่านั้น ด้วยอัตราการชาร์จที่ 360 kW นี่คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางวิ่งและเวลาการชาร์จได้อย่างสิ้นเชิง ทำให้การเดินทางไกลด้วย ZEEKR 7X เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L สูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ที่เพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งานในกิจกรรมกลางแจ้งหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน
ช่วงล่างอัจฉริยะและการผจญภัยแบบออฟโรดที่เหนือความคาดหมาย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่านี่คือจุดเด่นที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างจาก SUV ไฟฟ้าอื่นๆ ในตลาดอย่างแท้จริง ด้วยช่วงล่างด้านหน้าอิสระ Double Wishbone และด้านหลังอิสระ Multi-Link ผสานกับระบบช่วงล่างแบบถุงลม Active Air Suspension with CCD (Continuous Damping Control) ที่ไม่เพียงแต่ให้ความนุ่มนวลและเสถียรภาพในการขับขี่บนทางเรียบ แต่ยังมอบความสามารถในการปรับความสูงและแข็ง-อ่อนของโช้คอัพให้เข้ากับสภาพพื้นผิว นี่คือสิ่งที่ทำให้ ZEEKR 7X กล้าที่จะท้าทายเส้นทางออฟโรดเบาๆ
จากประสบการณ์การทดสอบที่เขาใหญ่ ผมต้องยอมรับว่า ZEEKR 7X ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจเหนือความคาดหมาย เมื่อเข้าสู่โหมดออฟโรด ช่วงล่างถุงลมจะยกตัวรถขึ้นอัตโนมัติ เพิ่มระยะต่ำสุดถึงพื้นเป็น 230 มม. ซึ่งเพียงพอต่อการผ่านอุปสรรคทั่วไปบนเส้นทาง Off-Road light ได้อย่างสบาย การทดสอบบนเนินสลับแสดงให้เห็นถึงการทำงานของระบบขับเคลื่อนที่ชาญฉลาด เมื่อล้อหนึ่งลอยพ้นพื้น ระบบจะถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะอยู่ ทำให้รถสามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ทำให้ตัวรถโคลงเคลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สร้างความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่
การไต่เนินชันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับ ZEEKR 7X พละกำลังมหาศาลจากมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้รถพุ่งทะยานขึ้นไปได้อย่างสบายๆ และในจังหวะที่หยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบจัดการพลังงานก็ทำได้อย่างนุ่มนวล ไม่มีการออกตัวที่รุนแรงจนล้อฟรีทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในรถยนต์ไฟฟ้ากำลังสูง การลงเนินลาดชันก็มีระบบ HDC (Hill Descent Control) ที่ควบคุมความเร็วของรถขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ ให้ความรู้สึกเทียบเท่ากับรถยนต์พรีเมียมในกลุ่มยุโรป ทำให้การลงเนินเป็นไปอย่างปลอดภัยและสบายใจ
แม้บนเส้นทางขรุขระที่มีหลุมบ่อมากมาย ช่วงล่างถุงลมก็ยังคงมอบความนุ่มนวลน่าประทับใจ แต่สิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นคือพวงมาลัยที่ยังคงนิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นสะท้านหรือตีมือแต่อย่างใด ซึ่งบ่งชี้ถึงการออกแบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ยอดเยี่ยม ทำให้ ZEEKR 7X สอบผ่านในด้านออฟโรดอย่างสมศักดิ์ศรี
เมื่อกลับมาสู่ทางเรียบ สมรรถนะของ ZEEKR 7X ยิ่งโดดเด่น รุ่น Performance AWD มอบแรงดึงมหาศาลที่แทบจะกดหลังติดเบาะ พร้อมความนุ่มนวลจากช่วงล่างถุงลม ส่วนรุ่น Long Range RWD แม้จะไม่ดุดันเท่า แต่ก็ให้แรงดึงที่เพียงพอต่อการใช้งานในทุกสถานการณ์ และยังคงมอบความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ อาจจะให้ความรู้สึกหนักแน่นกว่ารุ่น Performance เล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วถือเป็นประสบการณ์ขับขี่ที่ยอดเยี่ยมทั้งสองรุ่น
ความปลอดภัยคือหัวใจหลัก: วิศวกรรมที่คำนึงถึงทุกชีวิต
ZEEKR 7X สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นรากฐานที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยนี้ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP ระดับ 5 ดาว โดยได้คะแนนสูงถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง
หัวใจของระบบช่วยเหลือการขับขี่คือ ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips อันทรงพลัง เพิ่มความแม่นยำและเสถียรภาพในการตรวจจับและประมวลผลข้อมูลรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ หรือระบบเตือนการชนด้านหน้า ทุกฟังก์ชันล้วนทำงานได้อย่างราบรื่นและไว้ใจได้ โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแกร่งและความปลอดภัยสูงสุดเมื่อเกิดการชน แต่ยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้นไปอีก
ระบบเบรกดิสก์เบรก 4pot พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้มอันโดดเด่น (สำหรับรุ่นท็อป) ให้ประสิทธิภาพการหยุดรถที่ยอดเยี่ยมและสร้างความมั่นใจในทุกสภาวะการขับขี่
การเป็นเจ้าของที่คุ้มค่า: แพ็กเกจรับประกันที่เหนือกว่า
ZEEKR ประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของความอุ่นใจในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า จึงมอบแพ็กเกจการรับประกันคุณภาพที่น่าประทับใจ:
รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty): นาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.
รับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์: นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม.
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน: นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม.
การรับประกันที่ครอบคลุมและยาวนานนี้ ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการตัดสินใจเป็นเจ้าของ ZEEKR 7X และจากราคาคาดการณ์ที่ ZEEKR ประเทศไทย (นำเข้า CBU จีน) ได้ประกาศไว้: รุ่น 7X Long Range RWD ช่วงราคา 1,700,000 บาท และรุ่น 7X Performance AWD ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท ถือเป็นการวางตำแหน่งทางการตลาดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงเทคโนโลยี สมรรถนะ ความหรูหรา และความสามารถรอบด้านที่ได้รับ นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวอย่างแน่นอน
บทสรุป: ZEEKR 7X นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าในปี 2025
โดยสรุปแล้ว ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่เป็น SUV ไฟฟ้าที่ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ด้วยการผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะ และความสามารถในการลุยเบาๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งแทบจะหาคู่แข่งได้ยากในตลาดปัจจุบัน ออปชั่นที่จัดเต็มตั้งแต่ภายในจรดภายนอก เทคโนโลยี 800V ที่ล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยระดับสูงสุด ทำให้ ZEEKR 7X มีความโดดเด่นและน่าจับตามองอย่างยิ่ง
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่พร้อมจะพาคุณออกไปผจญภัยในทุกเส้นทาง พร้อมมอบความสะดวกสบาย ความหรูหรา และเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ZEEKR 7X คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับสมรรถนะอันเร้าใจจากรุ่น Performance AWD หรือระยะทางวิ่งที่ไร้กังวลจากรุ่น Long Range RWD ZEEKR 7X ก็พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การเปลี่ยนแปลงกำลังจะมาถึง ร่วมสัมผัสประสบการณ์ขับขี่แห่งอนาคตก่อนใคร!
อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการรถยนต์ไฟฟ้า ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าและความกล้าที่จะฉีกกรอบ หากคุณพร้อมที่จะยกระดับประสบการณ์การเดินทางของคุณให้เหนือกว่าที่เคย ขอเชิญสัมผัสและทดลองขับ ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม ZEEKR 7X จึงเป็นมากกว่าแค่รถยนต์ไฟฟ้า ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตการขับขี่กับ ZEEKR 7X ได้ที่ผู้แทนจำหน่าย ZEEKR ทั่วประเทศ โปรดติดตามการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้ และเตรียมพบกับปรากฏการณ์ใหม่แห่ง SUV ไฟฟ้าได้เลย!
![[ครบชุด] XU11170 Facebook (1)](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-170.png)
![[ครบชุด] XU11171 งมงายจนผัวเลิก](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-171.png)