ZEEKR 7X 2025: ปฏิวัติวงการ SUV ไฟฟ้า หรูหรา แรง และลุยได้จริง
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด จากเพียงกระแสเล็กๆ สู่กำลังหลักที่ขับเคลื่อนนวัตกรรม และในปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไปไกลยิ่งกว่าที่เราเคยจินตนาการ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ หรือ SUV ไฟฟ้า ที่ไม่ใช่แค่ยานพาหนะสำหรับเดินทางอีกต่อไป แต่คือสัญลักษณ์ของวิสัยทัศน์ เทคโนโลยี และความหรูหราที่มาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลัง และในบรรดาผู้เล่นทั้งหมด ZEEKR 7X คือดาวเด่นที่พร้อมจะเขียนนิยามใหม่ให้กับคำว่า “SUV ไฟฟ้า” อย่างแท้จริง
ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นเพียงรถ SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่งอีกหนึ่งรุ่นที่เปิดตัวในตลาด แต่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราแบบยุโรป พลังขับเคลื่อนที่เร้าใจ และที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการบุกตะลุยในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในรถยนต์ไฟฟ้า ณ ปัจจุบัน จากประสบการณ์ที่ผมได้สัมผัสมา ผมกล้าพูดได้เลยว่า ZEEKR 7X คือคำตอบสำหรับผู้ที่มองหายนตรกรรมที่พร้อมตอบโจทย์ทุกมิติของชีวิต ทั้งการใช้งานในเมือง การเดินทางไกล และการผจญภัยที่ต้องอาศัยสมรรถนะอันแข็งแกร่ง
การออกแบบ: ผสานความหรูหราเข้ากับเส้นสายแห่งอนาคต
ZEEKR 7X ดึงดูดทุกสายตาด้วยการออกแบบที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ตั้งแต่แรกเห็น ไฟหน้าแบบ Stargate Front Light Panel ที่สามารถเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่เพียงฟังก์ชันการส่องสว่าง แต่ยังเป็นงานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้ บ่งบอกถึงความล้ำสมัยและความใส่ใจในรายละเอียด การออกแบบตัวถังที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของ SUV เข้ากับความสง่างามของรถหรู เส้นสายที่ลื่นไหลแต่ยังคงความบึกบึน ให้ความรู้สึกทรงพลังและทันสมัยไปพร้อมกัน มิติของตัวถังที่ยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,650 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มิลลิเมตร บ่งบอกถึงพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและความมั่นคงบนท้องถนน ระยะต่ำสุดถึงพื้น (ground clearance) ที่ 173 มิลลิเมตร ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับ SUV ที่เน้นการใช้งานหลากหลายมิติ
ด้านหน้าแสดงออกถึงความก้าวล้ำด้วยกระจังหน้าที่ผสานเข้ากับชุดไฟอย่างลงตัว พร้อมโลโก้ ZEEKR ที่ส่องสว่าง เพิ่มความหรูหราในยามค่ำคืน ด้านข้างเน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลังด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในรุ่น Long Range และขนาด 21 นิ้วแบบ Forged สำหรับรุ่น Performance ที่ไม่เพียงเสริมความงาม แต่ยังช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ ในขณะที่ด้านท้ายโดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบ LED เต็มความกว้าง ที่ให้ภาพลักษณ์ทันสมัยและมองเห็นได้ชัดเจน การออกแบบโดยรวมของ ZEEKR 7X สะท้อนปรัชญา “Luxury Tech Mobility” ที่ ZEEKR ตั้งใจนำเสนอ
สมรรถนะ: พลังขับเคลื่อนไฟฟ้าที่เร้าใจ ไร้ขีดจำกัด
หัวใจของ ZEEKR 7X คือขุมพลังไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม 800V ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มอบประสิทธิภาพการส่งกำลังที่เหนือกว่า และการชาร์จที่รวดเร็วทันใจ แบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh คือหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนสมรรถนะอันน่าประทับใจนี้ โดย ZEEKR 7X มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน:
ZEEKR 7X Long Range RWD:
มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้พละกำลังสูงสุดถึง 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่สัมผัสได้ถึงแรงดึงอันมหาศาลที่พร้อมจะผลักดันคุณไปข้างหน้าอย่างนุ่มนวลและมั่นคง
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที ถือว่ารวดเร็วเกินพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเร่งแซงที่ปลอดภัย
ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ระยะทางวิ่งที่ทำได้มากกว่า 700 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC ทำให้ ZEEKR 7X Long Range RWD เป็นเพื่อนร่วมทางที่เชื่อถือได้สำหรับการเดินทางไกล ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทางวิ่งอีกต่อไป
ZEEKR 7X Performance AWD:
สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ความเร็วสูงสุดและสมรรถนะที่เหนือกว่า รุ่น Performance AWD มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD)
ปลดปล่อยพละกำลังสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่เทียบเท่ากับซูเปอร์คาร์หลายรุ่น
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่น่าทึ่งในเวลาเพียง 3.8 วินาที ทำให้คุณได้สัมผัสกับแรง G ที่จะตรึงคุณติดกับเบาะนั่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
แม้จะมีพละกำลังมหาศาล แต่ระยะทางวิ่งก็ยังคงน่าประทับใจ ด้วยตัวเลขมากกว่า 600 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้นในการขับขี่โดยไม่ละทิ้งความสามารถในการเดินทาง
ทั้งสองรุ่นได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การขับขี่ที่ทั้งสนุก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยระบบช่วงล่างอิสระแบบ Double Wishbone ที่ด้านหน้า และ Multi-Link ที่ด้านหลัง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในรุ่น Long Range และ 21 นิ้วในรุ่น Performance ที่มาพร้อมยางประสิทธิภาพสูง ขนาด 255/50 R19 และ 265/40 R21 ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อมอบการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมและการควบคุมที่แม่นยำ
การชาร์จไฟ: รวดเร็ว ปลอดภัย ไร้กังวล
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ากังวลคือเรื่องการชาร์จไฟ ZEEKR 7X เข้าใจและตอบโจทย์นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จที่ล้ำหน้า:
รองรับหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ทำให้สามารถเข้าถึงสถานีชาร์จสาธารณะได้อย่างครอบคลุม
การชาร์จกระแสสลับ (AC) รองรับสูงสุด 22 kW ซึ่งรวดเร็วเป็นสองเท่าของรถ EV ทั่วไป เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงาน
จุดเด่นที่แท้จริงคือการชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging) ที่รองรับสูงสุดถึง 420 kW ด้วยแพลตฟอร์ม 800V ทำให้ ZEEKR 7X สามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที เมื่อใช้เครื่องชาร์จ DC ที่มีกำลังไฟ 360 kW นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การเดินทางไกลด้วยรถ EV ไม่ต่างจากการเติมน้ำมันอีกต่อไป
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) สูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ซึ่งช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟฟ้าในการตั้งแคมป์ หรือเป็นแหล่งพลังงานสำรองในยามจำเป็น
ช่วงล่างและการควบคุม: ความสมดุลที่เหนือคาดบนทุกสภาพถนน
จากประสบการณ์ตรงในการทดสอบ ZEEKR 7X ผมต้องยอมรับว่าช่วงล่างและการควบคุมคือหนึ่งในไฮไลท์ที่น่าประทับใจที่สุด ระบบช่วงล่างแบบถุงลม Active Air Suspension พร้อมระบบควบคุมความหน่วงอิเล็กทรอนิกส์ CCD (Continuous Damping Control) ไม่เพียงแต่มอบความนุ่มนวลในการขับขี่บนทางเรียบ แต่ยังปรับความสูงของรถและค่าความหน่วงของโช้คอัพให้เหมาะสมกับสภาพถนนและโหมดการขับขี่ได้อัตโนมัติ
พลิกโฉม SUV ไฟฟ้าสู่การผจญภัยแบบออฟโรด
สิ่งที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างจาก SUV ไฟฟ้าคันอื่นๆ ในตลาดคือความสามารถในการลุยแบบออฟโรดที่เหนือความคาดหมาย ก่อนการทดสอบในสนามที่เขาใหญ่ ผมเองก็ไม่คาดหวังอะไรมากนักจากรถยนต์ไฟฟ้า แต่ ZEEKR 7X กลับพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นข้อยกเว้นที่น่าทึ่ง เมื่อเปลี่ยนเป็นโหมดออฟโรด ช่วงล่างถุงลมจะยกตัวรถขึ้นอัตโนมัติถึง 230 มม. เพิ่มระยะห่างจากพื้นเพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย
สถานีเนินสลับ: ในสถานีนี้ ล้อมีการลอยจากพื้น แต่ระบบจะถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะอยู่ ทำให้รถเคลื่อนตัวไปได้อย่างไม่สะดุด สิ่งที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก แสดงถึงการออกแบบที่พิถีพิถัน
เนินชัน: ด้วยพละกำลังมหาศาลจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้การขึ้นเนินชันเป็นเรื่องง่ายดาย และที่สำคัญคือเมื่อหยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบจะจัดการพลังงานได้อย่างชาญฉลาด ไม่ส่งกำลังที่รุนแรงจนเกินไปจนทำให้ล้อฟรีทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในรถกำลังสูง
การลงเนินสูง: ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากรถยุโรประดับพรีเมียม ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจและควบคุมรถลงเนินได้อย่างสบายใจ
เส้นทางขรุขระ: แม้จะวิ่งผ่านทางขรุขระ แต่ช่วงล่างถุงลมก็ยังคงมอบความนุ่มนวล และสิ่งที่โดดเด่นคือพวงมาลัยที่นิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแต่อย่างใด ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างและการปรับแต่งช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม
กล่าวโดยสรุป การทดสอบออฟโรด ZEEKR 7X ทำได้อย่างน่าประทับใจ และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ SUV ไฟฟ้าในกลุ่มนี้
ความหรูหราและความสะดวกสบาย: ห้องโดยสารพรีเมียมสมบูรณ์แบบ
ก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความหรูหราและความผ่อนคลายระดับสูง การออกแบบที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์และความต้องการของผู้ใช้งานทุกมิติ:
เบาะนั่ง: หุ้มด้วยหนัง Nappa Leather คุณภาพสูง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและความละเอียดอ่อน ไม่เพียงมอบความสบายสูงสุด แต่ยังสะท้อนรสนิยมอันประณีตของเจ้าของรถ เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลหรือวันที่ยาวนาน ทำให้การขับขี่ไม่ใช่ภาระแต่เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงาน เบาะหลังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับท่านั่งให้เหมาะกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การพักผ่อน หรือการชมภาพยนตร์ ซึ่งเปลี่ยนพื้นที่ด้านหลังให้กลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ
พื้นที่จัดเก็บสัมภาระ: ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่ ด้วยที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 539 ลิตร และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 1,978 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง นอกจากนี้ยังมีที่เก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 66 ลิตร สำหรับเก็บสายชาร์จหรือของใช้เล็กน้อย
เทคโนโลยีและความบันเทิง: ศูนย์กลางอัจฉริยะที่เชื่อมโยงทุกสิ่ง
ZEEKR 7X คือศูนย์กลางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ตอบสนองทุกความต้องการของยุคดิจิทัล 2025:
หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K: มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส สามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการดูแผนที่ รับชมสื่อบันเทิง หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ
หน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว: ฉายข้อมูลสำคัญต่างๆ ขึ้นบนกระจกหน้ารถแบบ Augmented Reality ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว: แสดงข้อมูลการขับขี่ที่จำเป็นทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor (5nm): คือหัวใจที่ขับเคลื่อนระบบสารสนเทศและความบันเทิงทั้งหมด มอบการประมวลผลที่รวดเร็วและราบรื่น ตอบสนองทุกคำสั่งได้อย่างฉับไว ไร้รอยต่อ
ระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพง 21 จุด: สร้างมิติเสียงรอบทิศทาง ให้ประสบการณ์เหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ มอบสุนทรียภาพแห่งเสียงเพลงตลอดการเดินทาง
ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกอื่นๆ: ประตูทั้ง 4 บานเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ม่านบังแดดประตูคู่หลังเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว
ความปลอดภัย: ยืนหยัดด้วยมาตรฐานระดับโลก
ความปลอดภัยคือหัวใจหลักในการออกแบบ ZEEKR 7X ซึ่งได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น:
มาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว: คือเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัย โดยได้รับคะแนน 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงการออกแบบที่ใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว
ระบบช่วยขับขี่ ZEEKR AD: ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังหลังแบบ Single Piece Die-Cast: การขึ้นรูปชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้าง ลดน้ำหนัก และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในขณะที่ให้ความปลอดภัยสูงสุด
การรับประกันและราคา: ความคุ้มค่าที่มาพร้อมความมั่นใจ
ZEEKR 7X ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยแบบ CBU (นำเข้าทั้งคัน) จากจีน มีแผนเปิดราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้ โดยราคาคาดการณ์โดย ZEEKR ประเทศไทย มีดังนี้:
7X Long Range RWD: ช่วงราคาประมาณ 1,700,000 บาท
7X Performance AWD: ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท
ราคาเหล่านี้ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเทคโนโลยี สมรรถนะ และความหรูหราที่ ZEEKR 7X มอบให้
นอกจากนี้ ZEEKR ประเทศไทยยังมอบความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกค้าด้วยแพ็กเกจการรับประกันที่ครอบคลุม:
รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty) นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
รับประกันแบตเตอรี่ และ มอเตอร์ นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการดูแลลูกค้าอย่างแท้จริง
บทสรุป: ZEEKR 7X ยนตรกรรมแห่งอนาคตที่พร้อมสำหรับวันนี้
ZEEKR 7X คือ SUV ไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่คือวิสัยทัศน์ที่กลายเป็นจริง มันคือการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบระหว่างความหรูหราอันประณีต พลังขับเคลื่อนไฟฟ้าที่เร้าใจ เทคโนโลยีอัจฉริยะที่เชื่อมโยงทุกมิติของชีวิต และที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการบุกตะลุยในเส้นทางออฟโรด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พลิกโฉมหน้าของวงการรถยนต์ไฟฟ้า
ในปี 2025 นี้ ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์อีกคันในตลาด แต่คือมาตรฐานใหม่ที่ SUV ไฟฟ้าควรจะเป็น ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหารถยนต์สำหรับใช้งานในเมือง เดินทางไกลกับครอบครัว หรือออกไปผจญภัยในวันหยุด ZEEKR 7X ก็พร้อมที่จะเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ทั้งดีไซน์ สมรรถนะ ความปลอดภัย และการรับประกันที่อุ่นใจ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่แตกต่าง ไม่เหมือนใคร และพร้อมที่จะพาคุณไปได้ไกลกว่าที่เคย ZEEKR 7X คือสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม การลงทุนในยานยนต์แห่งอนาคตคันนี้ คือการลงทุนในประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ อิสระในการเดินทาง และความมั่นใจในทุกเส้นทาง
อย่าพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของอนาคตของการเดินทาง! สัมผัสประสบการณ์ ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง และเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติการขับขี่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ติดตามข่าวสารการเปิดตัวอย่างเป็นทางการและรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก ZEEKR ประเทศไทย แล้วคุณจะพบว่า SUV ไฟฟ้าที่ “ลุยได้จริง” ไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป
![[ครบชุด] XU11177 Facebook (37)](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-177.png)
![[ครบชุด] XU11178 ขอเป็นแค่พ่อ ไม่ขอเป็นผัว](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-178.png)