ZEEKR 7X: พลิกนิยาม SUV ไฟฟ้าแห่งอนาคต สู่ความเป็นไปได้ที่เหนือกว่าในปี 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของเทคโนโลยีและตลาดรถ EV ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากรถยนต์เพื่อการเดินทางสู่ยานพาหนะที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ และในปี 2025 นี้ ZEEKR ได้ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอีกครั้งด้วยการเปิดตัว ZEEKR 7X ซึ่งไม่ใช่แค่รถ SUV ไฟฟ้าทั่วไป แต่เป็นยนตรกรรมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อท้าทายทุกขีดจำกัด และนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งบนทางเรียบและในเส้นทางที่ท้าทาย
ZEEKR 7X คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราอันประณีต สมรรถนะอันทรงพลัง และที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการบุกตะลุยแบบออฟโรดเล็กน้อย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในตลาด SUV ไฟฟ้า ในปัจจุบัน ยนตรกรรมคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่ต้องการทั้งความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ความตื่นเต้นในการขับขี่ และอิสระในการออกผจญภัยในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า 2025
รูปลักษณ์ที่สะกดทุกสายตา: การออกแบบที่หลอมรวมความหรูหราและฟังก์ชัน
ทันทีที่สายตาปะทะกับ ZEEKR 7X คุณจะสัมผัสได้ถึงความพรีเมียมและเส้นสายที่เฉียบคม การออกแบบภายนอกของ ZEEKR 7X สะท้อนปรัชญา “Progressive Luxury” ที่ผสานความทันสมัยเข้ากับความสง่างามอย่างลงตัว แผงไฟหน้า Stargate Front Light Panel ไม่เพียงแค่เป็นองค์ประกอบด้านสุนทรียภาพ แต่ยังเป็นนวัตกรรมที่สามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครบนท้องถนน มิติของตัวรถที่ยาว 4,787 มม. กว้าง 1,930 มม. และสูง 1,650 มม. พร้อมระยะฐานล้อ 2,900 มม. ทำให้ ZEEKR 7X มีความโออ่าและมั่นคงบนถนน สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น บ่งบอกถึงการเป็น รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม อย่างแท้จริง
การออกแบบประตูทั้งสี่บานที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า สะท้อนถึงความหรูหราและความสะดวกสบายที่ ZEEKR มอบให้แก่ผู้ใช้งานทุกราย ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างความแตกต่างและยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้เหนือกว่า รถยนต์ไฟฟ้า ทั่วไป นอกจากนี้ การที่รถมีระยะต่ำสุดถึงพื้น (ground clearance) ถึง 173 มม. ซึ่งสามารถเพิ่มได้เมื่อใช้โหมดออฟโรดนั้น เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถสำหรับเมือง แต่ยังพร้อมพาคุณออกไปสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น
ช่องเก็บสัมภาระด้านท้ายที่มีความจุ 539 ลิตร และสามารถขยายได้ถึง 1,978 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในฟังก์ชันการใช้งานและการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวสมัยใหม่ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บสัมภาระสำหรับการเดินทางไกลหรือกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ในขณะที่ Frunk ขนาด 66 ลิตรที่อยู่ด้านหน้าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่เก็บของที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สายชาร์จ หรือของใช้ที่ต้องการการเข้าถึงอย่างรวดเร็ว
ห้องโดยสาร: อาณาจักรแห่งความผ่อนคลายและเทคโนโลยีสุดล้ำ
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะพบกับการออกแบบที่ประณีตราวกับเป็น “เลานจ์เคลื่อนที่” ที่มอบประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาส เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather คุณภาพสูง ไม่เพียงมอบสัมผัสที่นุ่มนวลและหรูหรา แต่ยังมาพร้อมฟังก์ชันการนวดและเป่าลมในเบาะคู่หน้า ซึ่งช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการขับขี่ระยะทางไกลหรือในวันที่เร่งรีบ นี่คือการออกแบบที่เข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด
สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ZEEKR 7X ได้ยกระดับประสบการณ์ด้วยเบาะที่สามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถปรับองศาการนั่งได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ชมภาพยนตร์ หรือแม้แต่ทำงาน ม่านบังแดดประตูคู่หลังที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่เพิ่มความหรูหราและความเป็นส่วนตัวได้อย่างลงตัว นี่ไม่ใช่แค่ห้องโดยสาร แต่เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ปรับเปลี่ยนได้ตามอารมณ์และกิจกรรมของผู้ใช้งาน สะท้อนถึงการเป็น รถครอบครัวไฟฟ้า ที่คิดมาอย่างรอบด้าน
หัวใจหลักของห้องโดยสารคือระบบสารสนเทศและความบันเทิงที่ล้ำสมัย หน้าจอกลางแบบ Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานระบบนำทาง การรับชมสื่อบันเทิง หรือการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ การแสดงผลข้อมูลที่สำคัญผ่านหน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาด 36.21 นิ้ว บนกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบข้อมูลการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายอย่างมหาศาล
นอกจากนี้ หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ยังทำหน้าที่แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสวยงาม การทำงานทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor ที่ใช้เทคโนโลยี 5nm Process Technology ซึ่งรับประกันความเร็ว ความลื่นไหล และการตอบสนองที่ฉับไว ทำให้การสั่งงานฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอเป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ เป็นตัวอย่างของการใช้ เทคโนโลยีล้ำสมัยในรถยนต์ไฟฟ้า ที่แท้จริง
ประสบการณ์ด้านเสียงใน ZEEKR 7X ก็เป็นสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยระบบเสียง ZEEKR Sound Pro ที่มาพร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอจำนวน 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางที่ดื่มด่ำ เสมือนมีโรงภาพยนตร์ส่วนตัวเคลื่อนที่ไปกับคุณทุกเส้นทาง และช่องวางแก้วที่ออกแบบมาอย่างประณีตทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ยิ่งตอกย้ำความสมบูรณ์แบบของห้องโดยสารที่ใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารทุกคน
ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะที่เหนือกว่าทุกจินตนาการ
ZEEKR 7X ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบ สมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้า ที่น่าทึ่งในทุกรูปแบบการขับขี่ ด้วยทางเลือกสองรุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานด้านพลังงานและประสิทธิภาพที่ ZEEKR ยึดมั่น
สำหรับรุ่น Long Range RWD มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ที่ให้พละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง แบตเตอรี่ 800V Technology Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. ที่น่าประทับใจคือระยะทางวิ่งมากกว่า 700 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอต่อการเดินทางไกลข้ามจังหวัดได้อย่างสบายๆ ด้วยตัวเลขนี้ ทำให้ ZEEKR 7X รุ่น Long Range RWD เป็นหนึ่งใน รถ EV วิ่งได้ไกล ที่น่าสนใจที่สุดในตลาดปี 2025
สำหรับผู้ที่ต้องการความเร้าใจในระดับสูงสุด รุ่น Performance AWD คือคำตอบ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่มอบพละกำลังสูงสุดรวม 646 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD เต็มรูปแบบ พร้อมแบตเตอรี่ 800V Technology Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh เช่นกัน รุ่น Performance AWD สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถท้าชนรถสปอร์ตสมรรถนะสูงได้สบายๆ ความเร็วสูงสุดยังคงอยู่ที่ 210 กม./ชม. โดยมีระยะทางวิ่งมากกว่า 600 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งถือเป็น รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ให้ทั้งความแรงและระยะทางที่น่าพอใจ
เทคโนโลยีการชาร์จ: รวดเร็ว ปลอดภัย ไร้กังวล
ในโลกของ รถ EV ปี 2025 ความเร็วในการชาร์จคือสิ่งสำคัญ ZEEKR 7X รองรับการชาร์จทั้งแบบกระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และที่โดดเด่นคือการรองรับการชาร์จกระแสตรง DC Fast Charging สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในความสามารถในการชาร์จที่เร็วที่สุดในตลาด ด้วยการชาร์จ DC ที่ 360 kW สามารถเพิ่มแบตเตอรี่จาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาทีเท่านั้น นี่คือการลดเวลาการรอคอย และเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกลได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L (Vehicle-to-Load) สูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน โดยสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้นอกรถ ทำให้ ZEEKR 7X เป็นได้มากกว่าแค่พาหนะ แต่เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่สำหรับกิจกรรมต่างๆ
ช่วงล่างและสมรรถนะออฟโรด: จุดเปลี่ยนของ SUV ไฟฟ้า
สิ่งที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างและโดดเด่นอย่างแท้จริงคือความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดเล็กน้อย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มักจะถูกมองข้ามในกลุ่ม SUV ไฟฟ้า ทีมงาน ZEEKR ได้จัดให้มีการทดสอบสมรรถนะที่เขาใหญ่ ก่อนการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ เพื่อพิสูจน์ถึงศักยภาพที่เหนือคาด
ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบ Multi-Link ทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD ซึ่งเป็น ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ ที่ปรับความสูงได้อัตโนมัติ ในโหมดออฟโรด ความสูงของรถจะเพิ่มขึ้นถึง 230 มม. เพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น จากประสบการณ์การทดสอบในสถานีเนินสลับ ตัวรถสามารถถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะพื้นได้เป็นอย่างดี ทำให้รถเคลื่อนตัวไปได้อย่างราบรื่น แม้จะมีล้อลอยจากพื้น สิ่งที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ทำให้ตัวรถโคลงเคลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การขับขึ้นเนินชัน ZEEKR 7X แสดงให้เห็นถึงพละกำลังมหาศาลที่สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย และเมื่อหยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบจัดการพลังงานก็ทำงานได้อย่างชาญฉลาด ไม่ส่งกำลังที่รุนแรงจนเกินไป ทำให้ล้อไม่ฟรีทิ้ง ในสถานีลงเนินสูง ระบบ HDC (Hill Descent Control) หรือระบบควบคุมความเร็วของรถยนต์ขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ ก็ทำงานได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ ให้ความรู้สึกมั่นใจและสบายใจในการควบคุมรถราวกับรถ SUV หรูจากยุโรป
บนเส้นทางขรุขระ ด้วยช่วงล่างถุงลม ทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวลอย่างน่าเหลือเชื่อ และสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือพวงมาลัยที่ยังคงนิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแต่อย่างใด นี่คือข้อพิสูจน์ว่า ZEEKR 7X ได้ยกระดับมาตรฐานของ รถไฟฟ้าออฟโรด ที่สามารถลุยได้อย่างแท้จริง
เมื่อกลับมาสู่ทางเรียบ สมรรถนะด้านความเร็วก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แรงดึงมหาศาลในรุ่น Performance AWD ทำให้การขับขี่เต็มไปด้วยความเร้าใจในขณะที่ยังคงรักษาความนุ่มนวลของช่วงล่างไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แม้แต่ในรุ่น Long Range RWD ก็ยังคงให้แรงดึงที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ช่วงล่างให้ความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ แม้จะแข็งกว่ารุ่น Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังคงความสบายในการขับขี่ระยะยาวได้อย่างไม่มีปัญหา
นอกจากนี้ ในบางรุ่นย่อยยังมาพร้อมล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง ขนาด 265/40 R21 และระบบเบรกดิสก์เบรก 4pot พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม ที่ไม่เพียงช่วยในการหยุดรถได้อย่างมั่นใจ แต่ยังเพิ่มความสปอร์ตและโดดเด่นให้กับรูปลักษณ์ภายนอกอีกด้วย
ความปลอดภัย: หัวใจสำคัญของ ZEEKR 7X
ZEEKR ตระหนักดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ZEEKR 7X สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างและการทำงานของระบบความปลอดภัย โดยได้คะแนน 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของสมาชิกทุกคนในครอบครัว
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ZEEKR AD ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและปลอดภัยในการขับขี่ รองรับฟังก์ชันการขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่หลากหลาย ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่และเพิ่มความอุ่นใจบนท้องถนน โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดจากการชน แต่ยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้น นี่คือการผสมผสานระหว่าง ความปลอดภัยรถยนต์ไฟฟ้า ขั้นสูงสุดกับวิศวกรรมที่ล้ำสมัย
การรับประกันและราคา: ความคุ้มค่าที่เหนือกว่า
ZEEKR ประเทศไทย ได้กำหนดราคาคาดการณ์สำหรับ ZEEKR 7X รุ่น Long Range RWD ไว้ที่ประมาณ 1,700,000 บาท และรุ่น Performance AWD ไม่เกิน 1,900,000 บาท (โดยจะประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้) ซึ่งถือเป็นราคาที่น่าสนใจอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากฟีเจอร์ สมรรถนะ และเทคโนโลยีที่ได้รับ
การรับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. และการรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และมอบความอุ่นใจสูงสุดให้กับเจ้าของรถ นี่คือ นวัตกรรมยานยนต์ ที่มาพร้อมการดูแลที่ครบวงจร ทำให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของ ZEEKR 7X เป็นไปได้อย่างมั่นใจ
สรุป: ZEEKR 7X – ยานยนต์แห่งความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด
จากประสบการณ์ในวงการ ผมกล้ากล่าวได้ว่า ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ SUV ไฟฟ้า อีกรุ่นหนึ่งที่เข้าสู่ตลาด แต่เป็นผู้บุกเบิกที่นำเสนอแนวคิดใหม่ๆ และทลายข้อจำกัดเดิมๆ ของ รถยนต์พลังงานใหม่ ในปี 2025 ด้วยการผสานความหรูหรา สง่างาม สมรรถนะที่เร้าใจ เทคโนโลยีล้ำยุค และความสามารถในการบุกตะลุยเส้นทางที่ท้าทายได้อย่างน่าประหลาดใจ ทำให้ ZEEKR 7X โดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาด
หากคุณกำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่เพียงตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นพาหนะคู่ใจที่พร้อมพาคุณไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งบนทางเรียบที่สะดวกสบายและเส้นทางออฟโรดที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ZEEKR 7X คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับสมรรถนะที่เร้าใจจากรุ่น Performance AWD หรือประสิทธิภาพระยะทางที่เหนือกว่าของรุ่น Long Range RWD ZEEKR 7X ก็พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าและตอบสนองทุกความต้องการของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตแห่งยานยนต์ไฟฟ้า สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง เข้าร่วมกับเราเพื่อเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ของการเดินทางที่ไร้ขีดจำกัด เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม ลงทะเบียนเพื่อทดลองขับ หรือค้นหาตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านคุณได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อเป็นเจ้าของสุดยอดยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งปี 2025 ที่จะเปลี่ยนทุกการเดินทางของคุณให้กลายเป็นเรื่องที่น่าจดจำ!
![[ครบชุด] XU11194 ผัวแบบนี้ไม่มีก็ได้](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-194.png)
![[ครบชุด] XU11195 เมียโทรมๆก็มีหัวใจ](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-195.png)