บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่จะเกิดขึ้น
ไขข้อสงสัย ทำไมเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV ถึงแพงกว่ารถน้ำมัน พร้อมวิธีเลือกซื้อให้คุ้มค่าที่สุด
by admin

การก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า EV เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและใส่ใจสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เจ้าของรถ EV หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้ออาจต้องเผชิญคือ ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า ที่มักมีราคาสูงกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้เบี้ยประกันรถ EV มีราคาสูง พร้อมแนะนำแนวทางในการเลือกซื้อประกันภัยที่ตอบโจทย์และคุ้มค่า
ปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาสูง
เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงขึ้นไม่ได้มาจากปัจจัยเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากองค์ประกอบหลายประการที่สะท้อนถึงความเสี่ยงและต้นทุนการซ่อมแซมที่แตกต่างไปจากรถยนต์น้ำมัน
จำนวนบริษัทประกันที่ยังจำกัด
ในตลาดประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ยังมีบริษัทประกันไม่มากนักที่ให้บริการรับประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ ด้วยจำนวนผู้เล่นที่จำกัด การแข่งขันด้านราคาจึงยังไม่สูงเท่าที่ควร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการกำหนด ราคาเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า ที่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประกันรถยนต์ทั่วไปที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด
ต้นทุนแบตเตอรี่รถ EV ที่มีราคาสูงลิ่ว
หัวใจหลักและส่วนประกอบที่มีมูลค่าสูงที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้าคือ “แบตเตอรี่” ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อน หากเกิดอุบัติเหตุหรือปัญหาที่ทำให้แบตเตอรี่ได้รับความเสียหายจนต้องเปลี่ยนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายบางส่วนหรือทั้งลูก ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นสูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ของรถยนต์น้ำมัน ความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วนี้เองที่ทำให้บริษัทประกันต้องเรียกเก็บ เบี้ยประกันรถ EV ในราคาที่สูงขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงในการชดเชยค่าสินไหมทดแทน
ศูนย์บริการและผู้เชี่ยวชาญยังมีน้อย
รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ โครงสร้างและระบบการทำงานมีความซับซ้อนและแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปอย่างมาก การซ่อมแซมหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องอาศัยช่างเทคนิคที่มีความรู้ความเข้าใจเฉพาะทางเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่โดยตรง แต่ในปัจจุบัน จำนวนศูนย์บริการที่มีความพร้อมและช่างผู้เชี่ยวชาญด้านรถ EV ยังมีจำกัดเมื่อเทียบกับอู่ซ่อมรถทั่วไป ทำให้เมื่อนำรถเข้าซ่อม ค่าแรงและค่าบริการมักจะมีราคาสูงตามไปด้วย
อะไหล่เฉพาะทางหายากและมีราคาสูง
นอกจากปัญหาเรื่องศูนย์บริการแล้ว การจัดหาอะไหล่เฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังเป็นเรื่องที่ท้าทาย อะไหล่หลายชิ้นมีราคาสูงและบางครั้งอาจต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศเนื่องจากยังไม่มีการผลิตในประเทศมากนัก เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าเกิดความเสียหายและต้องการอะไหล่ การจัดหาที่ยากและมีต้นทุนสูงนี้ย่อมส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงขึ้นตามไป และเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันรถ EV มีราคาแพงขึ้นเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนนี้
ภาพครอบครัวพิจารณาการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายและค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ควรพิจารณา
เลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไรให้ตอบโจทย์และคุ้มค่า
แม้เบี้ยประกันรถ EV จะสูงกว่า แต่การเลือกแผนประกันที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
ตรวจสอบความคุ้มครองแบตเตอรี่
เนื่องจากแบตเตอรี่คือส่วนที่แพงที่สุด การเลือกประกันที่ให้ความคุ้มครองแบตเตอรี่อย่างครอบคลุมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรศึกษาเงื่อนไขให้ละเอียดว่าประกันคุ้มครองกรณีใดบ้าง เช่น ความเสียหายจากอุบัติเหตุ ความผิดปกติจากการใช้งาน หรือการเสื่อมสภาพตามเงื่อนไขที่กำหนดหรือไม่
พิจารณาความคุ้มครองเครื่องชาร์จที่บ้าน
การติดตั้งเครื่องชาร์จ EV ที่บ้านเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า แต่เครื่องชาร์จเหล่านี้ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายได้เช่นกัน การเลือกแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อเครื่องชาร์จที่บ้านซึ่งอาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือปัจจัยอื่น ๆ จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้งาน
คุ้มครองกรณีไฟไหม้และรถหาย
ความเสี่ยงด้านไฟไหม้ในรถยนต์ไฟฟ้ามีความเชื่อมโยงกับระบบแบตเตอรี่ แม้จะไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจรุนแรงมาก การมีประกันที่ให้ความคุ้มครองกรณีไฟไหม้ น้ำท่วม รวมถึงรถหายซึ่งเป็นความเสี่ยงพื้นฐานของรถยนต์ทุกประเภท ถือเป็นความคุ้มครองที่จำเป็น
เลือกประเภทประกันภัยให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ามีให้เลือกหลายประเภท เช่น ประกันชั้น 1, 2+, 3+ เช่นเดียวกับรถยนต์น้ำมัน อย่าเพิ่งตัดสินใจเลือกประกันชั้น 1 เพียงเพราะคิดว่าดีที่สุดเสมอไป ให้ประเมินพฤติกรรมการขับขี่ การใช้งาน และความเสี่ยงส่วนตัว เพื่อเลือกประเภทความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณของคุณที่สุด