คู่มือครบวงจร: วิธีต่อ พรบ รถยนต์ และต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ อัปเดตล่าสุด

June 14, 2025

ภาพประกอบขั้นตอนการต่อ พรบ รถยนต์ และต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ พร้อมเอกสารสำคัญ

การต่ออายุ พรบ รถยนต์ หรือ ประกันภัยภาคบังคับ รวมถึงการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี เป็นหน้าที่สำคัญที่เจ้าของรถทุกคันต้องดำเนินการอย่างสม่ำเสมอทุกปี ไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังเป็นการสร้างความคุ้มครองทางการเงินหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การทำความเข้าใจขั้นตอนและช่องทางต่างๆ จะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ประหยัดเวลา และมั่นใจได้ในอัตราค่าธรรมเนียมที่ถูกต้อง

หัวใจหลักของการต่อ พรบ และต่อภาษีรถยนต์คือการเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่จำเป็น หรือการตรวจสอบเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปตามประเภทและอายุของรถยนต์ เจ้าของรถสามารถเลือกดำเนินการได้หลากหลายช่องทาง ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีแตกต่างกันไป

ความสำคัญของ พรบ รถยนต์ และภาษีรถยนต์

พรบ รถยนต์ เป็นประกันภัยภาคบังคับตามกฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ มีจุดประสงค์เพื่อมอบความคุ้มครองและค่าสินไหมทดแทนเบื้องต้นแก่ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิด การมี พรบ ที่ถูกต้องและไม่ขาดอายุเป็นเงื่อนไขสำคัญในการต่อภาษีรถยนต์ประจำปี หากไม่มี พรบ จะไม่สามารถต่อภาษีได้ ซึ่งนำไปสู่บทลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อต่อ พรบ และต่อภาษีรถยนต์

ก่อนดำเนินการต่ออายุ พรบ และภาษีรถยนต์ มีสิ่งจำเป็นที่ต้องเตรียมให้พร้อม ดังนี้

เอกสารที่จำเป็น

สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ (ฉบับจริงหรือสำเนา)
สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถหรือผู้ดำเนินการ

การตรวจสภาพรถยนต์

รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป (นับจากวันจดทะเบียนครั้งแรก) จะต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ณ สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ก่อนการยื่นเรื่องต่อภาษีและ พรบ การตรวจสภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่ารถยังคงมีความปลอดภัยในการใช้งานและไม่ก่อปัญหามลพิษ

อัตราค่าธรรมเนียม พรบ รถยนต์

ค่าเบี้ยประกันภัยภาคบังคับ หรือค่า พรบ รถยนต์ จะแตกต่างกันไปตามประเภทของรถยนต์ โดยอัตราที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดมีดังนี้

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง: 600 บาทต่อปี
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง ไม่เกิน 15 ที่นั่ง: 1,100 บาทต่อปี
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 15 ที่นั่ง ไม่เกิน 20 ที่นั่ง: 2,050 บาทต่อปี
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 20 ที่นั่ง ไม่เกิน 40 ที่นั่ง: 3,200 บาทต่อปี
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 40 ที่นั่ง: 3,740 บาทต่อปี
รถยนต์ไฟฟ้า: 600 บาทต่อปี

ช่องทางการต่อ พรบ และต่อภาษีรถยนต์

มีหลากหลายช่องทางให้เลือกใช้บริการตามความสะดวก ดังนี้

ต่อที่กรมการขนส่งทางบกโดยตรง

สามารถเดินทางไปยังสำนักงานขนส่งทางบกทั่วประเทศ ยื่นเอกสารพร้อมแจ้งความประสงค์ขอต่อ พรบ และภาษีรถยนต์ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบและออกเอกสารให้ โดยชำระค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนด

ต่อผ่านบริษัทตัวแทนประกันภัยหรือบริการรับต่อภาษี

เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย สามารถติดต่อบริษัทประกันภัย หรือตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัยที่ได้รับอนุญาต รวมถึงจุดบริการรับต่อภาษีต่างๆ อาจมีค่าบริการเพิ่มเติมเล็กน้อยจากค่าเบี้ย พรบ และภาษีปกติ

ต่อ พรบ รถยนต์ ออนไลน์ และต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์

ช่องทางนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะรวดเร็วและสามารถทำได้จากทุกที่ เพียงเข้าใช้งานระบบออนไลน์ของกรมการขนส่งทางบก ที่เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ โดยมีข้อกำหนดว่าสามารถดำเนินการล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วันก่อนวันหมดอายุ เตรียมข้อมูลรถและข้อมูล พรบ เดิมให้พร้อม จากนั้นกรอกรายละเอียดและชำระเงินตามขั้นตอนที่ระบุในระบบ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการออนไลน์ของกรมการขนส่งทางบก สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ กรมการขนส่งทางบก

ผลของการไม่ต่อ พรบ และภาษีรถยนต์ตามกำหนด

หาก พรบ รถยนต์หมดอายุ จะส่งผลให้ไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้ และหากนำรถที่ไม่มี พรบ ไปใช้งานบนท้องถนน ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท นอกจากนี้ หากภาษีรถยนต์ขาดต่อเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับ ต้องดำเนินการจดทะเบียนรถใหม่ ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

การต่อ พรบ และภาษีรถยนต์ให้ตรงเวลาจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้รถของคุณใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับความคุ้มครองที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงค่าปรับที่ไม่จำเป็น

หลังจากดำเนินการต่อ พรบ และต่อภาษีรถยนต์เรียบร้อยแล้ว การพิจารณาทำ ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ เพิ่มเติมถือเป็นการเสริมความคุ้มครองที่รอบด้านมากยิ่งขึ้น ซึ่งให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ ค่ารักษาพยาบาลคู่กรณีและผู้โดยสาร รวมถึงความคุ้มครองอื่นๆ ที่เหนือกว่า พรบ เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกการเดินทาง

Previous Post